อีก 8 ปี กรุงเทพฯ จะจมน้ำ เป็นการเปิดเผยจากหน่วยงานสิ่งแวดล้อมต่างประเทศ ระบุว่า ปี 2573 กรุงเทพมหานคร จะเป็น 1 ในเมืองของเอเชีย เจอภาวะน้ำทะเลหนุนสูง สอดรับกับสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ทำให้เกิดฝนตกหนักมากกว่าที่ระบบโครงสร้างจะรองรับได้ หมายความว่า “กรุงเทพฯ จะจมน้ำ”
รองศาสตราจารย์สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิบายให้ฟังว่า พื้นที่กรุงเทพฯ กว่าร้อยละ 60 มีระดับต่ำกว่าน้ำทะเลอยู่แล้ว น้ำท่วมที่คน กทม. เผชิญอยู่ จึงเรียกได้ว่า “ภัยพิบัติประจำถิ่น”
ปรากฏการณ์ Climate Change หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นความกังวลของหลายภาคส่วนว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีความเกี่ยวข้อง หรือมีผลมากน้อยเพียงใด แต่สิ่งที่สามารถทำได้ทันที คือการศึกษาและวางระบบโครงสร้างเพื่อรองรับและป้องกันในระยะยาว
“เมื่อถามว่า กรุงเทพฯ จะน้ำท่วมไหม? เราจะนึกถึงภาพของสารคดีต่างประเทศ เมืองนั้นเมืองนี้จะจมอยู่ใต้น้ำ…. ซึ่งเราจิตนาการแบบนั้นไม่ได้ เพราะตั้งแต่ในอดีตประเทศเราอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลอยู่แล้ว และเราก็สู้กับน้ำท่วมมานานหลายสิบปี”

….การวางระบบโครงสร้างบริหารจัดการน้ำ จะช่วยให้ กทม.น้ำไม่ท่วม หรือไม่?…
ย้อนไปสิบปีที่แล้ว กรุงเทพฯ มีจุดอ่อนน้ำท่วม 324 จุด แม้ปัจจุบันจะลดเหลือ 20 จุด แต่การยอมรับของประชาชนไม่เหมือนในอดีต เพราะปัจจุบันประชาชนมองว่า เหตุใดจึงยังไม่มีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน หากมองในเรื่องระบบเชิงโครงสร้างการบริหารจัดการน้ำที่เริ่มดำเนินการ ชี้ให้ประสิทธิภาพของ กทม. ในการจัดการบริหารน้ำได้เร็วกว่าเดิม แต่สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงเป็นปัจจัยแทรกแซงที่ยังทำให้ กทม.เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก ดังนั้นการวางระบบจัดการน้ำจะเป็นตัววัดถึงประสิทธิภาพของผู้ว่า กทม. ต่อจากนี้
“กรุงเทพฯ เปรียบเสมือนอ่างล้างหน้า ที่จะมีสะดืออยู่ใต้ล่างเพื่อระบายน้ำออก ในรูปแบบของคลอง และระบบท่อต่างๆ เพียงแค่รูเดียว แต่หากว่าเราเปิดน้ำมากผิดปกติโดยไม่ได้คาดการณ์ ก็จะทำให้เกิดน้ำล้น เฉกเช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้ฝนตกหนักเกินประสิทธิภาพการระบาย โดยเฉพาะในพื้นที่ต่ำ”
กทม.จะมีคลอง 2 แบบ คือ คลองแนวตั้งในทิศเหนือใต้ มีหน้าที่รับน้ำเหนือเพื่อผันไปทางทิศใต้ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในทางตอนล่างของ กทม. และ คลองแนวขวาง ทำหน้าที่ช่วยผันน้ำไปยังอุโมงค์รับน้ำ ส่งต่อลงเเม่น้ำเจ้าพระยาตอนกลาง ซึ่งนั้นน่าจะช่วยให้การระบายน้ำได้ดีขึ้น แต่กลับพบปัญหาจากชุมชนที่มีการสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำคูคลอง ทำให้ไม่สามารถผันน้ำตามคลองต่างๆ ได้มากนัก
ปัจจุบันมีโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยริมคลอง พัฒนาชีวิตชาวบ้านด้วยการสร้างบ้านบนแนวตลิ่งไม่ให้รุกล้ำเข้ามาในคลอง พร้อมการสร้างเขื่อนกั้นน้ำสองฝั่งคลองอย่างถาวร ช่วยให้การระบายทำได้อย่างเต็มที่ แต่ยังมีอีกหลายชุมชนที่ยังเป็นชุมชนแบบเดิม ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการระบายน้ำ เป็นสิ่งที่ผู้ว่า กทม.จะต้องเร่งดำเนินการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนแก้ปัญหา
“การที่จะเปลี่ยนชุมชนริมน้ำ ให้ไปอยู่บนตลิ่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เปราะบาง แต่ก็เป็นบุคคลที่เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ นับเป็นโจทย์ที่ยาก ยิ่งหากผู้ว่า กทม. ที่จะเข้ามา อยู่คนละพรรคการเมืองกัน เมื่อมีการของบประมาณจะมีการขัดแย้งกันหรือไม่ เป็นสิ่งที่ ผู้ว่า กทม. จะต้องประสานให้ดี”


…ทำไมเวลาฝนตกหนัก ถนน กทม. น้ำท่วม…
น้ำไม่มีที่ไป.. แต่เดิมถนนใน กทม. จะมีคลองระบายน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง ไม่ว่าจะเป็น ถนนสีลม ถนนพระราม 4 เมื่อถนนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น คลองก็หายไป กลายเป็นท่อระบายน้ำขนาดเล็กแทน เมื่อฝนตกหนักจึงไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะรับมือกับปริมาณฝนที่ตกเพิ่มขึ้นได้
ถนนวิภาวดีรังสิต.. พื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ด้านข้างของถนนมีคลองระบายน้ำในลักษณะแนวลาดเอียง คล้ายสี่เหลี่ยมคางหมู แต่ก็มีปัญหาที่รับน้ำได้น้อย หากฝนตกหนักมากกว่าปกติประสิทธิภาพในการพร่องน้ำไม่เพียงพอ อีกทั้งสภาพตลิ่งเริ่มพังจากอายุการใช้งานมานาน โดยขณะนี้ได้มีการก่อสร้างให้เป็นคลองระบายน้ำแนวตั้ง มีการขยายคลองทั้งแนวกว้างและแนวลึก ทั้งสองฝั่งของถนนวิภาวดีเพื่อให้การรองรับน้ำได้มากขึ้น พร้อมการติดตั้งเทคนิคดันท่อ หรือที่เรียกว่า Pipe Jacking ซึ่งก็ต้องมาดูกันว่าจะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้มากน้อยเพียงใด


รองศาสตราจารย์สุทธิศักดิ์ ระบุว่า ปัญหาอยู่ที่ถนนส่วนใหญ่ใน กทม. ไม่สามารถขยายคลองระบายน้ำได้ โดยเฉพาะ ถนนรามคำแหง สุขุมวิท มักมีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก จึงเป็นโจทย์ของผู้ว่า กทม. จะมีการวางระบบแก้ปัญหาอย่างไร
…ถนนทรุดตัว หรือ แผ่นดินทรุดตัว ใน กทม. มีผลให้น้ำท่วม กทม.
การสูบน้ำบาดาล ทำให้ กรุงเทพฯ ทรุดตัว… รองศาสตราจารย์สุทธิศักดิ์ ระบุว่า การสูบน้ำบาดาลในอดีต 30-40 ปีที่แล้ว ไม่มีผลทำให้แผ่นดินใน กรุงเทพฯ ทรุดตัว จนทำให้น้ำทะเลเข้าท่วม ……แต่สิ่งที่ทำให้คนกรุงเทพฯ มีความกังวล อาจเพราะข่าวการทรุดตัวในพื้นที่ต่างๆ อย่างล่าสุดที่ถนนอุดมสุข มีการทรุดตัวเป็นวงกว้าง คล้ายกับแผ่นดินบริเวณนั้นมีการยุบตัวลงไป ทั้งที่จริงแล้ว การทรุดตัวที่เกิดขึ้นมาจากโครงสร้าง ไม่ใช่เป็นการทรุดตัวของแผ่นดิน เช่นเดียวกับอีกหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ รองศาสตราจารย์สุทธิศักดิ์ ได้พาทีมข่าวไปดูที่บริเวณใต้สะพานต่างระดับรัชวิภา พื้นดินตรงเสาใต้สะพานมีความลาดเอียง ลักษณะคล้ายกับแผ่นดินทรุด ทั้งที่จริงแล้วเป็นเพียงการทรุดฐานรากของตัวเสา ที่มีการถมดินยกระดับขึ้นมาจากระดับเดิม เมื่อมีโครงสร้างที่มีน้ำหนักก็จะกดทับให้ดินยุบลงไป ทำให้มองผ่านๆ จะเห็นคล้ายกับว่าแผ่นดินทรุดตัว โดยการทรุดตัวจากการก่อสร้างไม่สามารถที่จะทำให้กรุงเทพฯ จมน้ำทะเลได้อย่างที่ต่างประเทศให้ข้อมูล
“ประเด็นเรื่องทรุดตัว แล้วทำให้กรุงเทพฯ น้ำท่วม ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องมาคุยกันแล้ว ในอดีต 30-40 ปี ที่แล้ว อาจจะใช่ เพราะเรามีการสูบน้ำ