สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ผ่านไป 5 วัน บางพื้นที่น้ำลดระดับลงจนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่บางพื้นที่น้ำยังคงท่วมสูงจนถึงระดับเอว ทำให้ชาวบ้านยังคงต้องใช้เรือในการสัญจรในชีวิตประจำวัน หรือบางคนที่สัญจรด้วยการเดินเท้าก็ต้องใช้เวลานานกว่าปกติ ซึ่งชาวบ้านหลายคนก็รับสภาพว่า หลังน้ำลดข้าวของในบ้านหลายอย่างก็คงเสียหายเนื่องจากต้องจมอยู่ในน้ำหลายวัน

อีกหนึ่งความเดือดร้อนที่ชาวบ้านที่สวนใหญ่เป็นเกษตรกรต้องเจอ คือ ความเสียหายของผลผลิตที่ใกล้จะเก็บเกี่ยวกลับถูกน้ำท่วม ในตอนแรกชาวบ้านก็ยังคงมีกำลังใจว่าหากน้ำลดเร็วผลผลิตก็อาจจะไม่ได้รับความเสียหายมาก แต่เมื่อต้องแช่อยู่ในน้ำหลายวันก็ต้องทำใจยอมรับกับความเสียหายทั้งหมด

อย่างไร่ข้าวโพดของเกษตรกรพื้นที่หมู่ 7 บ้านท่าโก ต.ตาลเดี่ยว จ.เพชรบูรณ์ ถูกมวลน้ำจากแม่น้ำป่าสักไหลหลากเข้าท่วม ทำให้ผลผลิตที่กำลังจะเก็บเกี่ยวได้รับความเสียหายทั้งหมด รวมทั้งนาข้าวอีกกว่า 4,000 ไร่ ที่ต้องเผชิญกับน้ำท่วมมานานกว่า 6 วัน ทำให้ต้นข้าวที่แช่น้ำเป็นเวลานานเริ่มยืนต้นเน่า ถึงแม้จะได้รับเงินเยียวยาตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็ยังไม่เพียงพอกับเงินที่ได้ลงทุนไป   

ด้านบ่อปลาตะเพียน และปลานิล ของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ 3,000 – 4,000 ตัว ก็ถูกกระแสน้ำพัดเอาปลาออกจากบ่อไปทั้งหมดโดยที่ไม่สามารถป้องกันไว้ได้ จากที่จะต้องมีรายได้จากการจับปลาไปขาย กลับต้องสูญเสียรายได้และเงินลงทุนทั้งหมดไป ซึ่งชาวบ้านต่างบอกว่า หลังจากนี้จึงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรอีก เพราะก็ยังกังวลกับน้ำที่อาจจะกลับมาท่วมซ้ำ

นอกจากนี้ ทีมข่าวศูนย์พัฒนาการสื่อสารด้านภัยพิบัติ ยังได้ล่องเรือสำรวจ พบว่า สวนกล้วย และแปลงปลูกดอกกะหล่ำ ในพื้นที่ก็ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะแปลงปลูกดอกกะหล่ำที่สภาพมีโล่งเตียน และแม้ว่าจะได้รับความเสียหายแต่เกษตรกรก็ยังไม่กล้าจะสูบน้ำออกเพราะเกรงว่าหากสูบน้ำออกไปแล้วมีฝนตกซ้ำก็จะทำให้ผลผลิตเสียหายเช่นเดิม และอาจต้องเสียเงินค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำอีกเป็นครั้งที่สอง

นอกเหนือ จากพื้นที่เทศบาลตำบลตาลเดี่ยวแล้ว ล่าสุด พบว่ามวลน้ำเริ่มไหลหลากเข้าสู่เขตเทศบาลตำบลปากดุก บางจุดชาวบ้านต้องอาศัยการนั่งเรือเพื่อเข้าออกพื้นที่ ขณะที่พื้นที่การเกษตรก็เริ่มมีน้ำท่วมขังระดับน้ำสูงสุด โดยบริเวณจุดลุ่มต่ำระดับน้ำท่วมลึกถึง 3 เมตร