Thailand Web Stat Truehits.net
เครื่องหมายอัศเจรีย์

ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง คุกคาม สวีเดน พื้นดินยกตัวสูง

สวีเดน

เมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว ชาวไวกิ้งนามว่า อิงกริด สร้างท่าเทียบเรือเพื่อขนย้ายสินค้าที่อ่าวตรงชายฝั่งของ สวีเดน และได้สร้างอนุสรณ์หินเพื่อระลึกถึงความสำคัญของท่าเรือนี้

ทุกวันนี้ท่าเรือที่อิงกริดได้สร้างไว้ กลับอยู่บนพื้นที่สูงและปราศจากน้ำเข้าถึง โดยอยู่บนพื้นดินสูงกว่า 5 เมตรจากระดับน้ำทะเล และไกลกว่าชายฝั่งของกรุงสต็อกโฮล์มเป็นระยะกว่า 20 กิโลเมตร รายล้อมด้วยต้นสนและแมกไม้

พื้นดินรอบทวีปนอร์ดิกสูงขึ้นตั้งแต่การสิ้นสุดของยุคน้ำแข็งเมื่อ 12,000 ปีก่อนหลังจากที่น้ำแข็งหนาถึง 3 กิโลเมตรละลายตัวลง ดังนั้นทวีปนอร์ดิกจึงควรจะเป็นภูมิภาคที่ไม่ต้องเผชิญปัญหาจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก เมื่อน้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นและธารน้ำแข็งละลาย ซึ่งนับเป็นภัยสำหรับหลายประเทศที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำและติดทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นนครเซียงไฮ ประเทศจีน หรือเมืองไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา

วันนี้ใจกลางของกรุงสต็อกโฮล์มคลาคล่ำไปด้วยรถเครนสีเหลือง รถปราบดิน รถบรรทุก และเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้าง ส่งสัญญาณว่าความโชคดีของกรุงสต็อกโฮล์มที่เคยเป็นเมืองปราการที่รอดพ้นจากน้ำทะเลเพิ่มสูงกำลังจะหมดลง

สวีเดน กำลังใช้งบประมาณเป็นจำนวนเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อปรับปรุงประตูควบคุมน้ำ โดยหวังจะรักษาทะเลสาบ Mälaren ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดื่มของประชากรกว่า 2 ล้านคน ให้รอดพ้นการรุกล้ำของทะเลบอลติกที่จะไหลมาบรรจบกันในกรุงสต็อกโฮล์ม

A view of the billion-dollar Slussen construction project in Stockholm, Sweden, to renew the city centre and prevent mixing of the salty Baltic Sea (right) and the fresh water of Lake Malaren (left), September 16, 2022. Thomson Reuters Foundation/Alister Doyle

ระดับน้ำทะเลทั่วโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้นราว 4 มิลลิเมตรทุกปี นับเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงศตวรรษที่ 20 และจะสูงกว่า 5 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มสูงของพื้นดินในทวีปนอร์ดิกในอีกไม่นาน

ปัจจุบันทะเลสาบ Mälaren อยู่เหนือกว่าระดับน้ำทะเล 70 เซนติเมตร โดยโครงการ Slussen มีกำหนดเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2563 ได้รับการออกแบบให้สามารถผลักดันน้ำทะเลได้ในกรณีเลวร้ายที่สุดที่ระดับน้ำเพิ่มสูงถึง 2 เมตรในอีก 100 ปี ข้างหน้า

เมื่อมีพายุเข้า ประตูน้ำในโครงการ Slussen นี้จะป้องกันน้ำเค็มจากทะเลบอลติกรุกล้ำทะเลสาบน้ำจืดที่มีความยาวกว่า 120 กิโลเมตร โครงการนี้ยังมีอีกหน้าที่สำคัญคือช่วยผันน้ำที่เกินจากทะเลสาบลงสู่ทะเลหลังจากฝนตกหนักหรือหิมะละลายเพื่อป้องกันน้ำท่วม

Sofie Schöld ผู้เชี่ยวชาญเรื่องระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงจากสถาบันอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาของสวีเดน กล่าวว่า สวีเดนโชคดีมากที่แผ่นดินมีระดับสูงขึ้นทุกปีจากน้ำแข็งละลาย โดยสวีเดนมีพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นพื้นที่ 10,000 ตารางกิโลเมตร หรือเท่ากับขนาดของประเทศจาไมก้านับตั้งแต่ยุคไวกิ้งเป็นต้นมา อย่างไรก็ตามการเพิ่มสูงของแผ่นดินนี้เป็นไปอย่างช้าๆ และสวีเดนก็กำลังได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น

อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 1.2 องศาเซสเซียส

นับตั้งแต่ยุคก่อนอุตสาหกรรมและกำลังจะเพิ่มถึง 1.5 องศาเซลเซียสอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นระดับที่นักวิทยาศาสตร์ต่างกังวลว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนผ่านสู่ผลกระทบจากภาวะโลกรวนที่หนักหนาสาหัสกว่าและก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

ข้อตกลงปารีส ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เกือบ 200 ประเทศบรรลุร่วมกันเมื่อปี พ.ศ. 2558  ได้ระบุเป้าหมายการจำกัดภาวะโลกร้อนไม่ให้อุณหภูมิเพิ่มสูงเกินกว่า 2 องศาเซสเซียส โดยตั้งมั่นที่จะควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกินกว่า 1.5 องศาเซสเซียส

นักวิทยาศาสตร์แนวหน้าของโลกกล่าวว่า แม้ว่าจะมีการให้คำมั่นเพื่อลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดโลกร้อน แต่การใช้พลังงานฟอสซิสอย่างต่อเนื่องทั่วโลกจะทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงเกินระดับ 1.5 องศาเซสเซียสภายในระยะเวลาเพียง 10 ปี

นักวิทยาศาสตร์ต่างกังวลว่าการเพิ่มของอุณหหูมิในระดับดังกล่าวจะนำไปสู่จุดเปลี่ยนทางนิเวศวิทยาที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำทะเลที่เพิ่งสูง การละลายของน้ำแข็งขั้วโลก ไปจนถึงอุณหหูมิที่เพิ่งสูงจากปริมาณก๊าซมีเทนที่ระเหยจากชั้นดินเยือกแข็งคงตัว หรือเพอร์มาฟรอสต์ (permafrost)

โลกที่ร้อนขึ้นจะก่อให้เกิดสภาพอากาศสุดขั้ว พืชผลถูกทำลาย การสูญพันธ์ของสัตว์นานาชนิด การย้ายถิ่นฐาน และความสูญเสียทางการเงินและในระดับบุคคลอย่างมหาศาลของมนุษย์ทั่วโลก

เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กล่าวว่า การเพิ่มสูงของระดับน้ำทะเลทั่วโลกอาจหยุดอยู่แค่ 30 เซนติเมตรในศตวรรษนี้ หากมนุษย์สามารถลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดโลกร้อนจนทำให้อุณหภูมิไม่เพิ่มสูงเกิน 1.5 องศาเซสเซียส โดยหากการปล่อยก๊าซยังคงดำเนินต่อไป ระดับน้ำทะเลอาจเพิ่มสูงถึง 1 เมตร

คณะกรรมการฯ ยังเตือนว่า ระดับน้ำทะเลอาจเพิ่มสูงเกือบ 2 เมตร หากการปล่อยก๊าซที่เพิ่มสูงขึ้นก่อให้เกิดการถล่มของแผ่นน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาและกรีนแลนด์

นอกจากนี้ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Science เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คาดว่า ทวีปกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกาตะวันตกซึ่งมีปริมาณน้ำแข็งที่สามารถทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงได้ราว 10 เมตร จะเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่ออุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 องศาเซสเซียส ทำให้เกิดการละลายที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้จนรุกล้ำชายฝั่งต่างๆ ทั่วโลก

Tim Lenton อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะโลกรวนและระบบโลกศาสตร์ ประจำมหาวิทยาลัย Exeter ซึ่งเป็นผู้เขียนงานวิจัยชิ้นดังกล่าวให้ความเห็นว่า มนุษย์คงได้แต่ใช้วิธีปลอบใจตัวเองถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นด้วยการตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงไม่เกิน 10 เมตรในระยะเวลา 1,000 ปี

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของระดับน้ำทะเลได้สร้างผลเสียต่อเมืองใหญ่และประเทศที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำแล้ว โดยเฉพาะเมื่อสภาพอากาศรุนแรงทำให้เกิดพายุรุนแรงพัดน้ำทะเลเข้าสู่ฝั่ง

สำหรับประเทศในกลุ่มพันธมิตรรัฐเกาะขนาดเล็ก (the Alliance of Small Island States) หรือ AOSIS นั้น ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงได้สร้างความเสี่ยงฉับพลันให้กับชุมชนชายฝั่ง โครงสร้างพื้นฐาน และพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น พื้นที่ทางการเกษตรและการท่องเที่ยว

Walton Webson ประธานของกลุ่มประเทศ AOSIS จากประเทศแอนติกาและบาร์บูดา กล่าวว่า ประเทศตูวาลู ซึ่งเป็นหมู่เกาะทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ได้รับผลกระทบอย่างแสนสาหัส ทั้งน้ำบาดาลคุณภาพไม่สามารถดื่มได้ น้ำเค็มบุกรุกทำลายพืชผล การประมงมีผลผลิตลดลง และผู้คนต่างเผชิญความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจากน้ำเพิ่มขึ้น

ฟิจิ ซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งในหมู่เกาะแปซิฟิก ใช้งบประมาณราว 500,000 เหรียญสหรัฐในการย้ายชุมชนชาวประมง Vunidogoloa ออกจากชายฝั่งเมื่อปี พ.ศ. 2557 และมีโครงการจะย้ายชุมชนอื่นอีกกว่า 40 ชุมชนเช่นกัน

Walton Webson กล่าวอีกว่า การสูญเสียพื้นที่ทำกินเป็นสิ่งที่นอกเหนือกว่าจะปรับตัวเพื่ออยู่รอด ซึ่งความหายนะเหล่านี้กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของมนุษย์ การเสพติดการใช้พลังงานฟอสซิสอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศหมู่เกาะอย่างมาก เพราะต้องเผชิญความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมากที่สุด

เขาเน้นย้ำว่า ขณะที่ประเทศในกลุ่ม AOSIS สามารถควบคุมการปล่อยก๊าซเพื่อความอยู่รอด แต่กลับต้องเผชิญกับความผิดหวังเพราะประเทศอุตสาหกรรมไม่มีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทั้งนี้การเพิ่มของอุณหภูมิเพียงแค่ 1.5 องศาเซียสอาจก่อให้ผลกระทบต่อประเทศหมู่เกาะกำลังพัฒนาอย่างคาดไม่ถึง

ณ กรุงสต็อกโฮล์ม โครงการป้องกันทะเลสาบจากการรุกล้ำของน้ำทะเลชื่อว่า Slussen กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะมีทั้งคาเฟ่ บาร์ สะพาน ถนน และรถใต้ดิน

ป้ายที่ติดอยู่ที่งานก่อสร้างขนาดใหญ่นี้มีข้อความเขียนไว้เพื่อเตือนใจผู้คนว่า “Slussen ไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว”

Magnus Tengblad ผู้ประสานงานโครงการก่อสร้างนี้ กล่าวว่า โครงการนี้จะทำให้สวีเดนปลอดภัยไปอีกเป็นเวลา 100 ปี

นักวิทยาศาสตร์ต่างชื่นชมถึงวิสัยทัศน์ของโครงการดังกล่าวซึ่งคาดการณ์ถึงความเสี่ยงในอนาคตมากกว่าที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยสวีเดนจะสามารถประหยัดเงินและยับยั้งความสูญเสียที่เกิดจากภาวะโลกรวนที่รุนแรงขึ้นได้

David Armstrong McKay ผู้นำทีมงานวิจัยเรื่องจุดเปลี่ยนภาวะโลกรวนจากมหาวิทยาลัย Exeter และนักวิจัยประจำมหาวิทยาลัย Stockholm กล่าวว่า แม้ความโชคดีของสวีเดนใกล้จะหมดลง แต่สวีเดนก็ได้ลงมือทำอะไรบางอย่างแล้ว

แม้กระทั่งในพื้นที่ทางตอนเหนือของสวีเดน ซึ่งพื้นดินมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดราว 9 มิลลิเมตรต่อปี ความกังวลเรื่องระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงก็กำลังเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ณ เมืองท่า Luleå สภาท้องถิ่นได้มีมติห้ามการก่อสร้างในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลน้อยกว่า 2.5 เมตร เพื่อรับมือกับน้ำท่วมและพายุที่รุนแรงขึ้น และเพื่อไม่ขัดขวางการเพิ่มสูงของพื้นดิน

ที่มา: https://www.reuters.com/article/sweden-climate-change-sealevel-idINL8N3116A3?fbclid=IwAR1kZPkixTgd3drJ9FcjIEboSqmEzalY5jTlThGyt6T8AKfmSwGiwWDq4jg

https://www.context.news/climate-risks/sea-level-rise-now-menaces-even-a-viking-bastion-of-uplifted-land

แชร์