Thailand Web Stat Truehits.net
เครื่องหมายอัศเจรีย์

เมื่อรัฐ….. ไม่พัฒนาสายพันธุ์พืช สู้กับสภาพอากาศแปรปรวน

ฝนที่ตกหนักในหลายจังหวัด ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2565  จาก “ลานีญา” เพิ่มกำลังขึ้น และมีการวิเคราะห์ว่าฝนจะตกต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมิถุนายน และอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ  …. หากมองในลักษณะทั่วไปนับเป็นเรื่องปกติ  แต่ลึกลงไป …ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้สภาพอากาศแปรปรวนได้เริ่มขึ้นแล้ว

….งบวิจัยพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์พืชของไทยมีน้อยมาก ในสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง…

รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช  อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  ระบุว่า  ความกังวลในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เกษตรกร  หรือประชาชน  ที่มีขีดความสามารถจำกัดในการปรับตัว   “ภาครัฐ” ก็ไม่ได้มีท่าทีต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากนัก   งบวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวมีน้อยมาก คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าภาครัฐให้ความสำคัญน้อย หรือมีความพร้อมน้อยมากในการเตรียมรับมือกับโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต 

“เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย ทั้งที่นักวิจัยของไทยมีความสามารถในการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ข้าว และพันธุ์พืชต่างๆ ให้ทนแล้ง ร้อน และชื้น ตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต แต่กลับไม่สามารถทำได้ เพียงเพราะงบประมาณการวิจัยมีน้อยและไม่ต่อเนื่อง”

…การพัฒนาพันธุ์ข้าว-พืช  สำคัญอย่างไร?

จากดัชนีชี้วัด (ด้านล่าง ⬇)  แสดงให้เห็นว่า  มูลค่าเพิ่มของแรงงานในภาคเกษตรไทยเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และต่ำมาก เมื่อเทียบกับประเทศผู้ผลิตสินค้าเกษตรชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็น เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา  ญี่ปุ่น  เกาหลี  มาเลเซีย และ บราซิล  นอกจากนั้นผู้ผลิตสินค้าเกษตรหลายประเทศ  โดยเฉพาะประเทศที่เคยอยู่ในอันดับรองจากไทย  อาทิ ประเทศอินเดีย  อินโดนีเซีย  และเวียดนาม  มีค่าดัชนีผลิตภาพรวมภาคการเกษตรแซงหน้าไทยไปแล้ว ซึ่งหมายความว่า ภาคเกษตรไทยที่นับว่ามีความสำคัญต่อประเทศ  กำลังสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันในสินค้าเกษตรในตลาดโลก ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีรายได้น้อยลงจากการส่งออกและเกษตรกรก็จะมีรายได้ที่ลดลงเช่นกัน

รศ.ดร.วิษณุ   มองว่า  ปัจจัยหลักมาจากสภาพอากาศที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลง เห็นได้จากในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ผลผลิตข้าวต่อไร่ลดลง  คุณภาพของข้าวไม่ได้มาตรฐาน มีความชื้น เม็ดไม่โต ส่งผลให้เกษตรกรแทบจะไม่มีกำไรจากการขายข้าว  ผลกระทบในระยะยาวข้าวไทยอาจจะเป็นที่ต้องการของตลาดโลกลดลง

….ไทยยังมีเวลา  แต่ต้องบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน

ทั่วประเทศมีเกษตรกร ประมาณ 12.67 ล้านคน  ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ยากมากเมื่อเทียบกับจำนวนเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการดูแลและให้องค์ความรู้เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต  ดังนั้นต้องมีการบูรณาการร่วมกันทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นเอกชน  สถาบันการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด  จึงจะทำให้การพัฒนาเกษตรกรของไทยสามารถรองรับเทคโนโลยีในอนาคตได้  แต่ยังต้องอยู่บนพื้นฐานของการเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย  จากข้อมูลงานวิจัยมีเกษตรกรรายย่อยเข้าถึงแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรน้อยมาก  โดยเฉพาะภาคอีสาน เช่น อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร บึงกาฬ เลย หนองบัวลำภู หนองคาย และอุดรธานี ที่มีการใช้แอปพลิเคชัน เพียงแค่ร้อยละ 30 ของครัวเรือนเกษตรทั้งหมด โดยยังใช้แอปพลิเคชันกันเพียง 1-3 แอปพลิเคชันเท่านั้นในการทำเกษตร

“เกษตรกร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นเก่าอยู่แล้ว  การจะให้เข้าถึงข้อมูลการเกษตรในแอปพลิเคชัน เพื่อทราบข้อมูลเรื่องน้ำ อากาศ พืชที่ควรปลูก  แต่ข้อมูลเหล่านี้กลับไม่รวมอยู่ในที่เดียวกัน มีการแยกออกเป็นส่วนๆ ทำให้การเข้าถึงยาก ดังนั้นควรเริ่มต้นการบูรณาการร่วมกันก่อน”

รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช  อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

แชร์