เครื่องหมายอัศเจรีย์

วงเสวนา “แม่สาย ยังไม่สาย ถ้าจะสร้างเมืองให้พร้อมรับมือภัยพิบัติ”

23 กุมภาพันธ์ 2566

วงพูดคุย  World Café  “แม่สาย ยังไม่สาย ถ้าจะสร้างเมืองให้พร้อมรับมือภัยพิบัติ” ครั้งที่ 1  ณ เทศบาลตำบลแม่สาย  อ.แม่สาย จ.เชียงราย  ได้จบลงไปแล้ว   โดยเป็นการพูดคุยระหว่างนักวิชาการด้านภัยพิบัติด้านน้ำ  ภัยพิบัติด้านฝุ่น  และภัยพิบัติด้านธรณีพิบัติ    กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 10 แห่ง  ได้แก่  เทศบาลตำบลแม่สาย, เทศบาลตำบลเวียงพางคำ, เทศบาลตำบลห้วยไคร้, เทศบาลตำบลแม่สายมิตรภาพ,องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยไคร้, องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้าง, องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งผา, องค์การบริหารส่วนตำบลศรีเมืองชุม, องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านด้าย, และ องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งงาม 

แม้จะเป็นวงพูดคุยเล็กๆ  แต่ก็ทำให้เกิดจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่อยู่รอบตัว  ไม่ว่าจะเป็น  “น้ำท่วม”  “น้ำหลากข้ามพรมแดน”  “แผ่นดินไหว”  “ดินสไลด์-ดินถล่ม-หินถล่ม” และ “ฝุ่นข้ามพรมแดน”

น้ำท่วมข้ามพรมแดน  ต้องเร่งผลักดันติดตั้งเครื่องมือในประเทศเมียนมา

การพูดคุยที่แบ่งกันเป็นกลุ่มเล็กๆ 3 กลุ่ม  แบ่งเป็นภัยพิบัติด้านน้ำ  มีนายพีรพงศ์  เลิศวัฒนารักษ์  นักวิเคราะห์ข้อมูล ชำนาญการพิเศษงานวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์น้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน) หรือ สสน.  เป็นผู้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นอำเภอแม่สาย  โดยได้เริ่มให้ข้อมูลของ สสน. ทำหน้าที่เป็นคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ  ที่มีการนำข้อมูลจากหน่วยงานทั่วประเทศ 52 แห่ง มาศึกษาวิเคราะห์และวางแผนพัฒนาการจัดการน้ำ

แบ่งสาเหตุของน้ำท่วม

  • ภาวะโลกร้อน
  • แก๊สเรือนกระจก
  • ปรากฏการณ์เอลนีโญ ลานีญา
  • น้ำที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน

ทำให้เกิดผลกระทบ

  • ทำให้ฝนไม่ตกตามฤดู
  • ทำให้เกิดฝนตกหนักในรอบ 30 ปี  ในปี 2526 และ ปี 2525   ส่วนฝนที่ตกรุนแรงที่สุดในประเทศไทยคือ ปี 2547

ปริมาณการใช้น้ำ

  • ประเทศไทย อยู่อันดับที่ 5 ของโลก
  • อเมริกา อยู่ในอันดับที่ 1 ของโลก

จะเห็นได้ว่าข้อมูลดังกล่าวอนาคตจะมีการใช้น้ำมากกว่าปัจจุบัน  ดังนั้นหากน้ำอยู่ในระดับที่น้อยลงทุกปี จะส่งผลให้เกิดปัญหาให้อนาคตมีน้ำไม่พอใช้ต่อปริมาณความต้องการ  ดังนั้นการสร้างเทคโนโลยีการเตือนภัยจึงมีประโยชน์ต่อการพยากรณ์ และรู้ถึงปริมาณฝนที่ตกในประเทศต่างๆ ที่ปริมาณฝนมีผลกระทบต่อประเทศไทย  อย่างประเทศลาวที่ได้ให้ความร่วมมืออย่างดีที่ให้มีการติดตั้งเครื่องมือเรดาร์  แต่ทางฝั่งประเทศเมียนมา  ที่มีพรมแดนติดกับอำเภอแม่สาย และยังมีแม่น้ำสายที่มีต้นทางน้ำมาจากเมียนมาสู่อำเภอแม่สาย  ที่ปัจจุบันยังไม่ได้ให้ความร่วมมือในการนำเครื่องมือไปติดตั้ง  แต่ สสน. ก็ได้พยายามที่สร้างเครื่องมือเพื่อรับรู้ข้อมูลปริมาณน้ำในแต่ละพื้นที่ ทั้งการทำแบบภาพจำลองพื้นที่ และภาพจำลองทางน้ำ  หากเกิดน้ำหลากอย่างฉับพลัน  เพื่อนำมาวางแผนพัฒนาต่อยอด  เพราะอำเภอแม่สายถือได้ว่าเป็นเขตเศรษฐกิจ และการเกษตร    ที่จะต้องเร่งดำเนินการและผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังนี้

  •  ต้องการมีการประชุมร่วมกับฝั่งประเทศลาว และประเทศเมียนมาในเรื่องของน้ำท่วม
  • พยายามขอความร่วมมือให้ประเทศเมียนมาติดตั้งเครื่องมือการเตือนภัยน้ำในประเทศเมียนมา เนื่องจากประเทศลาวให้ความร่วมมือกับประเทศไทยในเรื่องนี้แล้ว
  • พยายามมีการพูดคุยเจรจากับประเทศเมียนมาให้มากขึ้น

ทั้งนี้ในระหว่างที่ยังไม่สามารถเข้าไปติดตั้งเครื่องมือแจ้งเตือนน้ำได้  ประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่สาย และเจ้าหน้าที่ จะสามารถวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่สามารถเจข้าถึงได้ง่าย ที่เว็บไซต์ www.thaiwater.net ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ทุกคนสามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้ได้

“สิ่งสำคัญของการแก้ปัญหาน้ำข้ามพรมแดน คือการที่หน่วยงานทั้งสองประเทศต้องมีการเจรจาให้ได้  เพราะในอนาคตคาดว่าน้ำจะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น  หากมีระบบเตือนภัยก็จะทำให้ทั้งสองประเทศสามารถวางแผนรับมือกับน้ำท่วมได้”

ลดการเผา  ช่วยลดฝุ่น PM 2.5 ในอำเภอแม่สาย

ส่วนภัยพิบัติด้านฝุ่นและมลพิษทางอากาศ  เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะยาวในอำเภอแม่สาย  นางสาวปิยนุช  ทรวงคำ  นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 กรมควบคุมมลพิษ  เป็นผู้ให้ข้อมูลและภาพรวมของสภาพฝุ่นที่เกิดขึ้นในพื้นที่  ระบุว่า  จุดกำเนิดของฝุ่น PM 2.5 ในอำเภอแม่สาย  มาจาก 3 ส่วนหลักๆ คือ การเผาขยะ ซึ่งมาจากในประเทศเพื่อนบ้านเป็นส่วนใหญ่ซึ่งลมเป็นตัวพัดฝุ่นควันเข้ามาภายในประเทศไทย , การเผาไหม้ป่า หรืออัคคีภัย  และ การเผาพืชทางการเกษตร เช่น ฝางข้าว ข้าวโพด  

โดยมองว่า ต้นตอจริงๆของฝุ่นในอำเภอแม่สาย คือข้าวโพดที่มีปริมาณที่เยอะ  ดังนั้นต้องลดการเผาข้าวโพด หรือเผาสิ่งต่างๆ จะทำให้ฝุ่น PM 2.5 ลดลงมากถึง 70%  โดยการเผาเกิดจากบริษัทแห่งหนึ่งที่มีการให้ประเทศเมียนมาปลูกพืชการเกษตรตามที่ต้องการจำนวนมาก และส่วนใหญ่ในช่วงก่อนและหลังเก็บเกี่ยวก็จะใช้วิธีการเผา จึงทำให้เกิดฝุ่นควันลอยเข้ามาในประเทศไทยมากกว่าปกติ ปกติค่าฝุ่นที่อยู่ในบรรยากาศไม่ควรเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ถ้าเกินกว่านี้จะมีผลกระทบต่อสุขภาพ ยกตัวอย่างเช่น มีการเกิดกรณีที่เด็กอนุบาลมีเลือดกำเดาไหลออกมาเนื่องจากมีการสูดดม PM 2.5 เข้าไปร่างกายและเด็กก็ยังมีภูมิต้านทานที่ไม่แข็งแรงมากเหมือนผู้ใหญ่ทำให้มีเลือดกำเดาไหลมา และผู้ที่น่าเป็นห่วงอีกวัยคือคนแก่ซึ่งร่างกายอาจจะมีภูมิต้านทานที่ไม่เพียงพอเช่นกัน    ดังนั้นในการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ คือการใช้เครื่องฟอกอากาศติดตั้งตามบ้านเรือน แต่ก็มีปัญหาโดยส่วนใหญ่คือการที่บ้านเรือนแต่ละที่มีโครงสร้างที่ไม่เหมือนกัน และถึงแม้จะใช้เครื่องฟอกอากาศก็ทำให้ไม่เกิดประโยชน์เพราะโครงสร้างบ้านไม่ได้ปิดทึบมากพอ จึงทำให้อากาศที่มีฝุ่นเล็ดลอดเข้ามาและเครื่องฟอกอากาศก็จะทำการฟอกอากาศไม่ดีพอ   ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือการป้องกันตัวเองด้วยการการสวมใส่หน้ากากอนามัย N95 ที่มีมาตรฐาน,การป้องกันฝุ่น PM 2.5  โดยการสวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น N 95  ,การรักษาสุขภาพการป้องกันมลพิษเข้าสู่ร่างกาย 

“สิ่งสำคัญคือต้องการออกกฎ หรือข้อบังคับห้ามพื้นที่การเกษตรเผาในช่วงดังกล่าว  และต้องมีการเจรจาหรือพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้านให้ชัดเจน หากลดการเผาได้  ปัญหาฝุ่นก็จะลดลง”

นอกจากนี้ยังมีนายกัมปนาท  ดีอุดมจันทร์  หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และภัยพิบัติ (GISTDA)  ที่ได้พูดถึงภาพรวมของการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมในการวิเคราะห์ภาพรวมของภัยพิบัติ  ระบุว่า  พื้นที่แม่สาย เป็นพื้นที่ที่เกิดฝุ่นควันและมลพิษข้ามพรมแดน และในประเทศ  ซึ่งที่ผ่านมาจิสด้าได้มีการใช้ดาวเทียมตรวจจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และมีการนำมาวิเคราะห์การเกิดจุดความร้อน เพื่อส่งข้อมูลให้กับพื้นที่ในการรับมือไฟป่า หรือหมอกควัน  โดยการโคจรของดาวเทียมจะมีการตรวจสอบพื้นที่ 4 ช่วงเวลา ที่จะทำให้เกิดรายละเอียดของภาพชัดเจน ซึ่งจะสามารถตรวจวัดได้ทั้งเปลวไฟ และความร้อนที่ยังคุกรุ่นและไฟป่าที่ไหม้อย่างช้าๆ โดยไม่มีเปลวไฟ ที่มีขนาดตั้งแต่ 1,000 ตารางเมตร 

ขณะที่จิสด้า ยังใช้ดาวเทียมสำหรับสถานการณ์น้ำท่วมขังที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่  โดยการนำภาพถ่ายมาวางแผนวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่องว่ามีการขยายวงกว้างมากน้อยแค่ไหน และยังเป็นข้อมูลสถิติของการเกิดน้ำท่วมในแต่ละครั้ง  โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นสถิติในการวิเคราะห์ของสถานการณ์น้ำท่วมเพื่อที่จะได้มีการวางแผนรับมือ

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าเทคโนยีมีความจำเป็นในการที่จะช่วยจัดการและรับมือกับภัยพิบัติในพื้นที่ได้

ควรมีแผนที่ชุมชนเสี่ยงภัย หากเกิดธรณีพิบัติ

ขณะที่ธรณีพิบัติ ทั้งแผ่นดินไหว – ดินสไลด์-ดินถล่ม  มีนายสุวิทย์  โคสุวรรณ  ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรี กรมทรัพยากรธรณี   เป็นผู้ให้ความรู้ว่า  พื้นที่แม่สายอยู่ในจุดที่มี 4 รอยเลื่อนที่ทรงพลังคือ รอยเลื่อนเม็งซิง ประเทศจีน ,รอยเลื่อนน้ำมา ประเทศเมียนมา ,รอยเลื่อนแม่จัน จ.เชียงราย  และรอยเลื่อนแม่อิง จ.เชียงราย    จึงทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้   แม้อาจจะไม่ได้บ่อยมาก แต่ในพื้นที่โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่จะต้องมีการเตรียมรับมือกับแผ่นดินไหวอยู่ตลอดเวลา  ไม่ว่าจะเป็น

   ·  กำหนดเส้นทางปลอดภัยเพื่อการหนีออกมาอยู่ในพื้นที่โล่งมากที่สุด  การเตรียมอาหารให้พร้อม

  • การออกมาอยู่ในบริเวณพื้นที่โล่งมากที่สุด
  • การเตรียมอาหารให้พร้อม
  • สร้างอาคารบ้านเรือนให้มีความแข็งแรง และตรงตามกฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันการที่บ้านเรือนพังทลาย และทางภาครัฐไม่มีเงินชดเชยที่มากพอ
  • การทำประกันภัยบ้านในเรื่องของแผ่นดินไหว
  • ต้องมีกฎหมายในการปลูกอาคารให้รองรับแผ่นดินไหว

ขณะที่ดินโคลนถล่ม – หินถล่ม  ยังเป็นจุดเสี่ยงเพราะเป็นพื้นที่ติดกับบริเวณดอยและยังเสี่ยงกับเรื่องน้ำท่วมกับน้ำป่าไหลหลากด้วย   นั่นก็เพราะพื้นที่เขาเหล่านี้เป็นลักษณะของหินแกรนิตที่เปราะง่าย หากฝนตกติดต่อกัน 24 ชั่วโมงและเป็นเวลานาน จึงทำให้เกิดการสไลด์ของหน้าดิน

นายสุวิทย์  ระบุว่า  การรับมือที่จะต้องเร่งทำให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อลดความสูญเสียและความเสียหาย  เพราะภัยพิบัตินี้เราไม่สามารถหนีได้ แต่เราเตรียมรับมือได้ด้วยการ

  • การจัดทำแผ่นที่เสี่ยงภัยในทุกๆชุมชน เพื่อระบุพิกัดอันตราย เพื่อไม่อนุญาตให้สร้างสิ่งปลูกสร้าง หรือที่อยู่อาศัย
  • หาพื้นที่ในการหลบภัยที่ปลอดภัยที่สุดของชุมชน
  • ทำการประเมินผลพื้นที่เสี่ยงภัย กับตรวจจับปริมาณน้ำฝนของหน่วยงาน
  • ซักซ้อมการป้องกันในพื้นที่เสี่ยง
  • ทำระบบการเเจ้งเตือน

ส.ส.ในพื้นที่ มีส่วนสำคัญในการผลักดันนโยบายแก้ปัญหา

ในการพูดคุยครั้งนี้ ยังมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ได้เข้าร่วมรับเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและผลักดันนโยบาย  โดยมีนายรชอึ้งอภินันท์  ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย พรรคไทยสร้างไทย  และนายพีรเดช  คำสมุทร  ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย   ระบุว่า  ปัญของน้ำ ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำท่วม แต่ยังมีเรื่องของทางฝั่งเมียนมามีการทำโครงสร้างเพื่อป้องกันตลิ่งตลอดแนวแม่น้ำสาย  ในขณะที่ทางฝั่งประเทศไทยไม่สามารถทำได้โดยมีเหตุผลของสนธิสัญญา  ดังนั้นเมื่อน้ำหลากมาอย่างรวดเร็วจึงทำให้เกิดการกัดเซาะพื้นที่ประเทศไทย  นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการทิ้งขยะจากฝั่งเมียนมา โดยที่ไม่มีกระบวนการจัดการน้ำ  ทำให้ขยะทั้งหมดลอยเข้ามาทางฝั่งไทย 

โดยมองว่าจะต้องมีการถ่ายโอนอำนาจ และงบประมาณมาให้กับทางท้องถิ่น เพื่อดำเนินการแก้ปัญหา หรือการสร้างประตูระบายน้ำให้แข็งแรงมั่นคง รวมถึงระบบการจัดการขยะ  ที่ปัจจุบันงบประมาณไม่เพียงพอ เพราะปริมาณขยะที่ลอยเข้ามาในประเทศไทยเกิดขึ้นทุกวัน 

สาเหตุหลักของการแก้ปัญหาต้องใช้ขั้นตอนที่จะต้องเป็นหน้าที่ของสภา รวมถึงส่นกลางการบริหารจะต้องสร้างบทบาทความสัมพันธ์ให้เกิดความไว้วางใจนี้ เพื่อทำให้การบริหารจัดการน้ำจังหวัดเชียงรายมีความชัดเจนมากขึ้น   นอกจากนี้จะต้องถ่ายโอนอำนาจสู่ท้องถิ่นไม่ทั่วถึง ทำให้ไม่สามารถผลักดันหรือดำเนินการนโยบายต่างๆ ได้ไม่เต็มที่

ส่วนในเรื่องของฝุ่นควันข้ามพรมแดน  ซึ่งเป็นปัญหาหลักของอำเภอแม่สาย  ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้งสองคนมองว่า  ในขณะที่เรายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้  แต่เราควรเน้นในเรื่องของการป้องกัน  โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบาง ทั้งผู้สูงอายุ  เด็ก และผู้ป่วย   ซึ่งจากที่ทราบศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหลายแห่งไม่มีเครื่องฟอกอากาศ หรือบางพื้นที่ตัวอาคารไม่มีคุณภาพและอาคารเก่าทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องฟอกอากาศเข้าไปช่วยได้ จึงต้องวางแผนกันต่อไป

รวมถึงหน้ากากอนามัย ชาวบ้านและเด็กเล็กไม่สามารถที่จะซื้อหน้ากากอนามัยที่ช่วยกันฝุ่น PM2.5 ได้  ทำให้ชาวบ้านต้องสูดดมฝุ่นต่อไปและรายได้ไม่เพียงพอต่อการซื้อหน้ากากอนามัย N95 เนื่องจากมีราคาชิ้นละกว่า 80 บาท  เป็นราคา 1 ใน 3 ของรายได้ต่อวัน ในผลระยะยาว 40-50 ปีกว่าจะเป็นมะเร็ง  ทำให้ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคมะเร็งในจังหวัดเชียงรายเพิ่มขึ้น

ขณะที่การแก้ปัญหาระบบเศรษฐกิจ  มองว่าหากเรามีตลาดรองรับ  ก็จะทำให้คนบนดอยมีทางเลือกในการปลูกพืชมีมูลค่าทางการตลาด นอกจากข้าวโพด  และจะต้องออกนโยบายเกี่ยวกับเรื่องเอกสารสิทธิที่ดิน โดยมองว่า  สิ่งแวดล้อม  สามารถผ่อนปรนด้านกฎหมายบางอย่างเพื่อให้การค้าการลงทุน  ที่จะทำให้เราสามารถซื้อพืชจากชายแดนได้โดยมีข้อกำหนดต้องเป็นพืชที่เกิดป่าเพิ่ม ซึ่งจะช่วยลดการเผาพื้นที่เกษตร

แชร์