นอกจากมลพิษที่เกิดขึ้นจากการเผา จากอุตสาหกรรม และการคมนาคม ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงเทศกาลอย่างตรุษจีน ที่ใกล้จะถึงนี้ เป็นอีกช่วงที่ไม่เพียงมีค่ามลพิษทางอากาศสูง หากฝุ่นควันที่เกิดขึ้นจากการจุด การเผา ยังสร้างสารพิษที่มีผลร้ายต่อร่างกาย ไม่ต่างจากควันบุหรี่

ข้อมูลจากงานวิจัย “สารก่อมะเร็ง ภัยเงียบที่มากับควันธูป” โดยสํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ระบุว่า ในควันธูปมีสารก่อมะเร็ง 3 ชนิด ได้แก่ เบนซิน บิวทาไดอีน และเบนโซเอไพรีน เนื่องจากในธูป มีส่วนผสมของกาวขี้เลื่อย และสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม เมื่อเกิดการเผาไหม้จะก่อให้เกิดก๊าซ โดยธูป 1 ดอก จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 325 กรัม และก๊าซมีเทน 7 กรัม และเนื่องจากการจุดธูปในแต่ละครั้ง มีการใช้จำนวนธูปมากน้อยต่างกัน ตั้งแต่ 1 ดอก ไปจนถึง 108 ดอก จำนวนดอกที่มากขึ้นจึงไม่เพียงส่งผลถึงปริมาณควันที่เพิ่มขึ้น หากยังก่อให้เกิดค่าสารพิษและมลภาวะที่สูงขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่ต่างจากการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง ที่สร้างทั้งควันและขี้เถ้า ซึ่งประกอบด้วยโลหะหนัก และสารก่อมะเร็งที่เป็นพิษต่อร่างกายถึง 4 ชนิด ทั้ง โครเมียม นิกเกิล ตะกั่ว และแมงกานีส
“ธูปหนึ่งดอกมีค่าสารพิษเท่ากับสูบบุหรี่หนึ่งมวน ฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นอย่าไปจุด เพราะสารเหล่านี้ถ้าหายใจเข้าไปนาน ๆ จะทำให้เกิดการแตกหักของโครโมโซมและดีเอ็นเอ และในที่สุดก็เกิดมะเร็งได้ โดยความเสี่ยงอาจเป็นมะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ หรือมะเร็งเม็ดเลือด นอกจากนั้นขี้เถ้าของธูปยังมีสารจำพวกแมงกานิส ถ้าเอาธูปไปปักบนอาหาร แล้วเรากินอาหารเข้าไป อาหารปนเปื้อนขี้เถ้าจะไปทำร้ายสมอง ทำให้สมองความจำเสื่อม ไอคิวแย่ลง หรืออาจเกิดโรคพาร์กินสัน”
นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าหน่วยโรคปอดและทางเดินหายใจ รพ.วิชัยยุทธ กล่าว
และแม้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์ว่า ตรุษจีนปีนี้ ตรงกับวันหยุดตามประกาศจากรัฐบาล การคมนาคมภายในกรุงเทพ และปริมณฑล คงไม่หนาแน่น ส่งผลดีต่อค่ามลพิษทางอากาศ แต่ก็ยังกังวลไม่น้อย กับมลพิษที่อาจเกิดขึ้นจากการจุดและการเผา ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีการออกมาตรการห้าม มีเพียงขอความร่วมมือจุดและเผาให้น้อยที่สุด
“เผาตามประเพณีได้…แต่ก็ให้เผาให้น้อยลง และในระหว่างการเผาก็อยากให้พี่น้องประชาชนป้องกันตัวเอง ด้วยการสวมแมสป้องกันฝุ่นละอองที่มาทำลายสุขภาพพลานามัย คงจะเป็นมาตรการที่ขอความร่วมมือมากกว่า”
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานว่า ช่วงเทศกาลตุรษจีนถือเป็นช่วงที่มีสถิติอุบัติภัยสูง พร้อมแนะนำ การป้องกันอัคคีภัยในช่วงเทศกาลตุรษจีน ให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับไฟ โดยดับไฟเตาหุงต้มอาหารและธูปเทียนให้สนิททุกครั้ง เผากระดาษเงินกระดาษทองในภาชนะที่ปิดมิดชิด ไม่ควรจุดประทัดในพื้นที่เสี่ยงเพลิงไหม้ หรือเสี่ยงอันตราย

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีนมักมีการจุดธูปเทียนบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์และไหว้บรรพบุรุษ เผากระดาษเงินกระดาษทอง และบางพื้นที่มีการจัดงานเฉลิมฉลอง โดยการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย เพื่อความปลอดภัยขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับไฟ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้มีความพยายามรณรงค์ลดการจุด และเผาในช่วงเทศกาล มีวัดและศาลเจ้าหลายแห่งให้ความร่วมมือ ปรับรูปแบบการไหว้ ลดมลพิษทางอากาศ แต่นี่ก็เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะท้ายที่สุดจะดีกว่าไหม หากความเข้าใจก่อให้เกิดจิตสำนึกและความร่วมมือ