หากจำกันได้ DXC Onine นำเสนอประเด็นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบผลการดำเนินงานโครงการ “สูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์สู้ภัยแล้ง จ.สุพรรณบุรี” ซึ่งได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2559 ของกระทรวงพลังงาน จำนวน 11 ล้านบาท ติดตั้งในพื้นที่ อ.ดอนเจดีย์ 7 แห่ง, อ.หนองหญ้าไซ 6 แห่ง, อ.สามชุก 7 แห่ง และ อ.เดิมบางนางบวช 3 แห่ง รวม 23 แห่ง แห่งละ 520,000 บาท
โดยพบว่า การดำเนินโครงการ‘ไม่คุ้มค่า’ กับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำใน จ.สุพรรณบุรี ทำให้เสียโอกาสในการได้รับการสนับสนุนระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ และเกษตรกรต้องกลับไปใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงในการสูบน้ำเช่นเดิม
ด้วยเหตุนี้ สตง. จึงเสนอให้สำนักงานพลังงานจังหวัดสุพรรณบุรีสำรวจความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มผู้ใช้น้ำ แล้วดำเนินการจัดสรรให้มีการใช้ประโยชน์เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด พร้อมประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ที่รับมอบ จัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่าง อปท.และกลุ่มผู้ใช้น้ำรวมถึงส่งเสริมให้กลุ่มผู้ใช้น้ำสร้างการมีส่วนร่วมภายในกลุ่ม
(อ่านประกอบ: เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ จ.สุพรรณบุรี งบฯ 12 ล้าน ไม่คุ้มค่าแก้แล้ง)
ล่าสุด นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ชี้แจงกับ DXC Online ว่า โครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์สู้ภัยแล้ง อยู่ภายใต้งบประมาณของกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งกลุ่มผู้ใช้น้ำสามารถยื่นโครงการเสนอของบประมาณตรงได้ ไม่ต้องผ่านส่วนท้องถิ่นหรือภูมิภาค โดยในส่วน จ.สุพรรณบุรี ได้รับการจัดสรรทั้งหมด 23 แห่ง ภายใต้หลักเกณฑ์ต้องมีบ่อน้ำที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)
ทั้งนี้ กรณี สตง.ชี้ว่า การดำเนินโครงการขาดการสำรวจความต้องการของเกษตรกรอย่างแท้จริงนั้น จากการรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพลังงานจังหวัดสุพรรณบุรี ทราบว่า ใน พ.ศ.2559 มีการประชาสัมพันธ์แล้ว แต่การเสนอโครงการนั้น ย้ำว่า ไม่ผ่านส่วนกลาง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เกิดความร่วมมือในระดับพื้นที่น้อย เพราะทุกคนที่เข้าถึงข้อมูลมีสิทธิของบประมาณโดยตรงทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า โครงการบางพื้นที่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะขาดหน่วยงานเข้าไปเป็นพี่เลี้ยง ปัจจุบันได้แจ้งไปยัง อปท. เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เทศบาล ที่เป็นพื้นที่ตั้งเครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ให้เข้าไปเป็นพี่เลี้ยง สำรวจความต้องการแท้จริงของพื้นที่ และสั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่าง อปท.และกลุ่มผู้ใช้น้ำเรียบร้อยแล้ว .