เครื่องหมายอัศเจรีย์

ทำไม ญี่ปุ่น ถึงอุดมไปด้วย แผ่นดินไหว

หากเรามองแผ่นเปลือกโลกเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่อยู่ชิดติดกัน แผ่นดินญี่ปุ่นซึ่งอยู่ทางตะวันออกของทวีปเอเชีย ทอดตัวยาวคร่อมอยู่บนจิ๊กซอว์ชื่อแปลกๆ 3 แผ่น คือ 1) แผ่นเปลือกโลกโอค็อตสค์ (Okhotsk Plate) ทางตอนเหนือ 2) แผ่นเปลือกโลกทะเลฟิลิปปินส์ (Philippine Sea Plate) ทางตอนใต้ และ 3) แผ่นเปลือกโลกอามูเรีย (Amurian Plate) ทางทิศตะวันตก ซึ่งในปัจจุบัน ผลจากการที่แผ่นเปลือกโลกที่ใหญ่ที่สุดและวิ่งเร็วที่สุดในโลกอย่าง แผ่นเปลือกโลกแปซิฟิก (Pacific Plate) ซึ่งเคลื่อนที่เข้ามาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วยความเร็ว 8-9 เซนติเมตรต่อปี พุ่งชนกลุ่มจิ๊กซอว์ทั้ง 3 แบบประสานงา จึงไม่ใช่เรื่องโอเว่อร์เกินจริงที่จะเคลมว่า ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของโลก ในด้านแผ่นดินไหว สึนามิ รวมทั้งภูเขาไฟมีพลัง 

ในทางทฤษฎี นักแผ่นดินไหววิทยาแบ่งสภาพแวดล้อมทางธรณีแปรสัณฐาน (tectonic) ที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวออกเป็น 3 รูปแบบ ตามระดับความดุร้าย ได้แก่ 1) ขอบแท้ๆ ของแผ่นเปลือกโลก (interplate) ซึ่งดุสุดๆ เปิด 8.0 ได้ง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก 2) แผ่นเปลือกโลกส่วนที่มุดลงไปใต้โลก (intraslab) ซึ่งก็ดุแต่เกิดลึก แรงสั่นจากแผ่นดินไหวจึงไม่ค่อยมีภัย และ 3) รอยแตกภายในแผ่นเปลือกโลก (intraplate) ที่เกิดจากการถ่ายเทแรงของการชนกันเข้ามาภายในแผ่น หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า รอยเลื่อน (fault) ประเด็นคือ ทั้ง 3 แบบที่ว่า ญี่ปุ่นมีครบ !!! จบในที่เดียว แถมแต่ละแบบแต่ละทีมก็มีตัวผู้เล่นให้เลือกใช้กันได้อย่างเหลือเฟือ โรเตชั่นสลับกันเกิดแผ่นดินไหวได้ตลอดเวลา 

แผ่นดินญี่ปุ่นและพื้นที่ข้างเคียงแสดงการกระจายตัวของเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เคยมีการบันทึกไว้ในรอบ 120 ปีที่ผ่านมา วงกลมสีเทาแสดงแผ่นดินไหวขนาด 5.0 ขึ้นไป วงกลมสีเหลืองคือแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ขึ้นไป วงกลมสีแดงคือแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ขึ้นไป ส่วนดาวสีแดงคือแผ่นดินไหวขนาด 9.1 ที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554

(ก) ขอบเขตของแผ่นเปลือกโลกในทางธรณีแปรสัณฐาน (ข) ภาพตัดขวางแสดงการกระจายตัวของแผ่นดินไหววิเคราะห์จากบทความนี้ แสดงการมีอยู่จริงภายในโลก ของแผ่นเปลือกโลกส่วนที่มุดลงไป (ค) เส้นสีแดง คือ แนวรอยแตกร้าวหรือรอยเลื่อน ที่เกิดจากการอัดชนกันของแผ่นเปลือกโลกต่างๆ 

จากสถิติการเกิดแผ่นดินไหวในรอบกว่า 120 ปี (พ.ศ. 2445-ปัจจุบัน) เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.0 ขึ้นไปกว่า 8,110 ครั้ง โดยในจำนวนนี้มีแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ขึ้นไป 150 ครั้ง และในจำนวนนั้นเป็นแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ขึ้นไปกว่า 15 ครั้ง ซึ่ง 1ใน 15 เหตุการณ์ นั้น ก็คือแผ่นดินไหวโทโฮกุขนาด 9.1 ที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554 ที่คิดว่าหลายท่านคงยังไม่ลืม 

จากสถิติที่มีบันทึกไว้ข้างต้น หากลองดีลูกคิดกดเครื่องคิดเลขกันเล่นๆ จะพบว่าในแต่ละปี ญี่ปุ่นจะได้สัมผัสกับแผ่นดินไหวขนาด 5.0 คร่าวๆ 60-70 ครั้ง หรือราวๆ 5-6 ไฟต์ต่อเดือน โดยจะมีแคมเปญใหญ่ระดับ 7.0 ให้เห็นอย่างน้อยปีละหน ส่วนแผ่นดินไหวขนาด 8.0 จะวางหมายนัดไว้ทุกๆ 8 ปี ซึ่งฟอร์มการเกิดแผ่นดินไหวขนาดนี้ ถือว่าเวิล์ดคลาส 

15 อันดับ แผ่นดินไหวใหญ่ที่สุด ที่เคยเกิดขึ้นบนแผ่นดินญี่ปุ่นในรอบ 120 ปี 

ลองจิจูด ละติจูด วัน เดือน ปี ค.ศ. ขนาดแผ่นดินไหว ลึก (กม.) 
142.373 38.297 11 2011 9.1 29 
149.483 44.872 13 10 1963 8.5 35 
144.59 39.209 1933 8.4 15 
135.895 33.116 20 12 1946 8.3 15 
147.321 43.773 10 1994 8.3 14 
148.485 44.479 11 1958 8.3 35 
143.435 40.86 16 1968 8.2 29.9 
147.859 43.424 11 1969 8.2 30 
143.91 41.815 25 2003 8.2 27 
136.204 33.682 12 1944 8.1 15 
139.298 35.413 1923 8.1 15 
143.899 42.084 1952 8.1 45 
150.653 46.737 1918 8.1 15 
143.228 39.869 20 1960 8.0 15 

ถามว่าแผ่นดินไหว 7.3 ที่เกิดขึ้นเมื่อ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 9.1 เมื่อปี พ.ศ. 2554 หรือไม่ แผ่นดินไหว 7.3 นี้ ส่งผลกับประเทศไทยอย่างไร ผู้เขียนขอเคลียร์ให้สิ้นสงสัยว่า ถึงแม้จะเกิดในตำแหน่งใกล้เคียงกัน แต่ 7.3 ไม่เกี่ยวอะไรกับ 9.1 และทั้ง 7.3 และ 9.1 รวมทั้งทุกๆ แผ่นดินไหวสัญชาติญี่ปุ่น ไม่ส่งผลต่อไทย ด้วยเหตุผลมางภูมิศาสตร์ที่แสนจะห่างไกลกัน ส่วนในอนาคต ญี่ปุ่นจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่กว่านี้ได้อีกไหม ผู้เขียนฟันธงว่า เกิดใหญ่กว่านี้ได้แน่นอน เพราะศักยภาพมี เขาทำได้ และเขาก็เคยทำ 

 สิ่งที่เราควรเรียนรู้และเดินตามมากที่สุดในเรื่องแผ่นดินไหวญี่ปุ่นคือ ทำไมแม้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ญี่ปุ่นยังยืนอยู่ได้ ไม่โดนน๊อค 6.5 5.6 7.3 8.1 ฯลฯ หากเป็นประเทศอื่น คงต้องใช้เวลากู้ชีพฟื้นไข้กันเป็นเดือนๆ แต่สำหรับคนญี่ปุ่นกับแผ่นดินไหวขนาดนี้ ย่อต่ำแค่ 5-10 นาที รอแผ่นดินไหวผ่านไป ก็กอดคอเดินไปกินราเมงกันต่อได้อย่างปกติสุข ซึ่งความสามารถในการยืนหยัดต่อภัยแบบนี้ ในทางแผ่นดินไหววิทยา เราเรียกกันว่า ความรุนแรงแผ่นดินไหว (earthquake intensity) รายละเอียด : http://www.mitrearth.org/4-169-measurement-of-earthquake/  

ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำมาหากิน ประเด็นสุดท้ายที่ผู้เขียนอยากจะให้กับผู้อ่านทุกๆ ท่าน คือชุดความคิดที่ว่าแทบทุกครั้งเมื่อเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ประชาชนทั่วไปมักจะสงสัยกันว่า หรือโลกกำลังเปลี่ยนไป ในทางที่ภัยพิบัติบ่อยขึ้นดุขึ้น ประเด็นนี้พิสูจน์กันได้ไม่ยาก ด้วยคณิตศาสตร์ระดับประถมต้น (http://www.mitrearth.org/4-110-stable-earthquake/) ซึ่งผลพิสูจน์ก็ชัดเจนแล้วว่า ทุกๆ ปี ทุกๆ ราศีแผ่นดินไหวยังเกิดเท่าเดิม เกิดพอๆ กันในทุกๆ เดือน ไม่เว้นแม้กระทั่งทุกๆ วันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน แผ่นดินไหวก็ยังเป็นเหมือนที่เคย 

โลก (แผ่นดินไหว) ยังคงเดิม และยังดำเนินต่อไป ไม่เปลี่ยนแปลง 

แชร์