รศ. ดร. เสรี ศุภราทิตย์
ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และภัยพิบัติ ม.รังสิต
คณะกรรมการป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
ปัจจุบัน มีหลักฐานเป็นที่แน่ชัดว่า การเปลี่ยนปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเกิดขึ้น และกำลังเป็นภัยคุกคามต่อมวลมนุษยชาติ ภัยคุกคามดังกล่าวจะเป็นเรื่องที่สำคัญ และท้าทายต่อโลกในอนาคต จากรายงานการประเมินฉบับที่ 5 (IPCC, 2014) ที่ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2557 โดยคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(Intergovernmental Panel on Climate Change, IPCC) ซึ่งตอกย้ำข้อมูลวัดที่ชัดเจนว่าโลกกำลังร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่งที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค และดูเหมือนว่ามนุษย์จะเป็นตัวการที่สำคัญในการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น นอกจากนี้ รายงานฉบับดังกล่าวยังได้เน้นย้ำถึงการเพิ่มขึ้นของเหตุการณ์ที่รุนแรงตามภูมิภาคต่างๆ จากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศในอนาคต ดังนั้น New normal สำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูิอากาศ กำลังเกิดขึ้นเหมือนกับ ระฆังภูมิอากาศโลกกำลังเคลื่อนไปสู่ความปกติใหม่ (รูปที่ 1)


ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนปัจจุบัน ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และภัยพิบัติ (Climate Change and Disaster Center, CCDC) (เดิมมีชื่อว่าศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2540) โดย รศ. ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในผู้เขียนนำ (Lead author) ในคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คณะทำงานชุดที่ 2 (IPCC WG2) ในการเขียน และประเมินรายงาน SREX (Special Report on Managing the Risks of Extreme Events and Disaster to Advance Climate Change Adaptation) ซึ่งได้ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา รวมทั้งรายงานการประเมินฉบับที่ 6 (IPCC AR6) ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2565
CCDC เล็งเห็นถึงความเปราะบาง และความล่อแหลมของสังคมไทย ที่อาจจะได้รับผลกระทบที่รุนแรง ดังเช่นเหตุการณ์หลายๆครั้งที่ผ่านมาโดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ หลายพื้นที่ในปลายปี พ.ศ. 2553 และปี พ.ศ. 2554 รวมทั้งเหตุการณ์ภัยแล้งในปี 2558-2559 ประกอบกับประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่ประกาศตัวว่าจะเป็น “ ครัวของโลก ” ซึ่งคงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ เพราะเราใช้น้ำมาก ใช้พื้นที่มาก และ ใช้แรงงานมาก ดังนั้นการวิเคราะห์ประเมินสภาพอากาศที่รุนแรง (น้ำท่วม ภัยแล้ง) จึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยเน้นไปที่การจัดการความเสี่ยง ตามกรอบการทำงานเซ็นได (Sendai Framework of Action) ที่นาๆประเทศได้ทำความตกลงกัน และได้รับการรับรองโดยสมัชชาแห่งสหประชาชาติ ในปี พ.ศ. 2558 โดยมีผลบังคับใช้ระหว่างปี ค.ศ. 2015-2030 การจัดการความเสี่ยงประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก (ดูรูปที่ 2) ได้แก่ 1) ภัยคุกคาม (Hazard) 2) ความเปราะบาง (Vulnerability) และ 3) ความล่อแหลม (Exposure) โดยผลกระทบของภัยขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทั้ง 3 ซึ่งถ้าสามารถจัดการเชิงรุก ก็สามารถจะลดความรุนแรง และความเสียหายลงได้ ในทางตรงข้าม ถ้าจัดการเชิงตั้งรับ ก็จะทำให้ภัยขยายขอบเขตมากขึ้นได้
ปัจจุบันองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้มีการพัฒนา และปรับปรุงก้าวหน้าโดยคณะทำงานระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ตั้งแต่รายงานฉบับที่ 4 (AR4,2007) เป็นต้นมา กล่าวคือ มีความชัดเจน และเชื่อมั่นในความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นจากอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นซึ่งส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วม และภัยแล้งมากขึ้นในหลายพื้นที่ ทั้งๆที่ยังคงมีความไม่แน่นอนจากการคาดการณ์โดยแบบจำลองคณิตศาสตร์ หลายพื้นที่บนโลกดูเหมือนว่าอาจจะเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในศตวรรษที่ 21
สหภาพยุโรปโดย Vogt el al. (2018) ได้วิเคราะห์ และประเมินความรุนแรงของภัยแล้งทั่วโลก โดยใช้ดัชนี SPEI-12 ทั้นในอดีต (1951-1980) ปัจจุบัน (1981-2010) และอนาคต (2071-2099) และพบว่าความรุนแรงของภัยแล้งในหลายพื้นที่ช่วงปีปัจจุบันเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต รวมทั้งประเทศไทย (รูปที่ 3a และ 3b) สำหรับการคาดการณ์ในอนาคตแบ่งเป็น 2 กรณีศึกษาตามรายงาน AR5 (Assessment Report 5, 2014) กล่าวคือ RCP4.5 และ RCP8.5 โดยภาพรวมพบว่าสถานการณ์ รอบโลกจะมีความรุนแรงของภัยแล้งเพิ่มขึ้นในหลายๆพื้นที่ (รูปที่ 3c และ 3d)

สำหรับประเทศไทย CCDC ได้ทำการศึกษาดัชนีชี้วัดเหตุการณ์น้ำท่วม และภัยแล้ง ประเทศไทยย้อนหลังไปกว่า 100 ปี โดยเลือกใช้ดัชนี SPEI (Standardised Precipitation-Evapotranspiration Index, WMO,2016) เนื่องจากดัชนีดังกล่าวได้มีการประยุกต์ใช้งานทั่วโลก ในการศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นดัชนีชี้วัดความต่างระหว่างปริมาณฝนกับปริมาณน้ำที่ระเหย ความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีภัยแล้งรายฤดูกาล (SPEI-3) และ Nino3.4 ในภาพรวม และแบ่งเป็นภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ โดยรูปที่ 4 แสดงการกระจายของ ดัชนีภัยแล้ง (น้ำท่วม) ระดับเล็กน้อย ขึ้นไป (-0.5 > SPEI-3 > 0.5) กับ (-0.5 > รูปที่ 3 การเปลี่ยนแปลงดัชนี SPEI12 ภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ Nino3.4 > 0.5) และ การกระจายของดัชนีภัยแล้ง (น้ำท่วม) ระดับ รุนแรงขึ้นไป (-1 > SPEI-3 > 1) กับ (-1 > Nino3.4 > 1) จากรูปที่ 4 เราพบว่าภัยแล้ง และน้ำท่วมระดับเล็กน้อย ขึ้นไปมักเกิดขึ้นในปีที่เกิดปรากฏการณ์ El Nino และ La Nina ตามลำดับ กล่าวคือ ข้อมูลในรอบเกือบร้อยปี ในภาพรวมทั่วประเทศมีภัยแล้ง และน้ำท่วมใน ระดับเล็ก น้อยขึ้นไปประมาณ 9.9 % และ 11 % ตามลำดับ ในขณะที่ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น ประมาณ (11.5-12.8%) และ (12.1-13.5%) ในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ แสดงให้เห็นความชัดเจนของการกระจายตัวในภูมิภาคต่างๆ อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุการณ์ภัยแล้ง และน้ำท่วมในระดับเล็กน้อยเกิดขึ้นอีก ประมาณ 3-6.3% และ 4-6.5% ในปีที่ไม่ได้เกิดปรากฎการณ์ El Nino และ La Nina ตามลำดับ ซึ่งเป็นสัดส่วน ประมาณครึ่งหนึ่ง สำหรับเหตุการณ์ภัยแล้ง และน้ำท่วมในระดับรุนแรงขึ้นไปมีการกระจายตัวโดยพบว่า ภาพรวมทั่วประเทศ มีภัยแล้ง และน้ำท่วมในระดับรุนแรงขึ้นไปประมาณ 2.3 % และ 1.4 % ตามลำดับ ในขณะที่ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ (2.5-4.2%) และ (2.2-3.4%) ในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังพบว่า ภัยแล้ง และน้ำท่วมในระดับรุนแรงสูงสุด มักจะเกิดในปีเดียวกันกับปรากฏการณ์ EL Nino และ La Nina เช่นกัน ดังแสดงตัวอย่างในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งภัยแล้ง และน้ำท่วมที่มีความเข้มสูงสุด เกิดในเดือน กรกฎาคม 2540 และ เดือนสิงหาคม 2554 ตามลำดับ (ดูรูปที่ 5) ดังนั้นระฆังภูมิอากาศประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงแล้ว เราจึงต้องปรับตัวให้ทัน เราจึงจะอยู่รอดอย่างยั่งยืน ?

(1901-1949, 1950-1988, 1989-2018)

น้ำท่วมครั้งรุนแรง (เดือนสิงหาคม 2554) ในภาคกลาง
เอกสารอ้างอิง
IPCC (2014). Summary for policymakers. In: Climate Change 2014: Impacts, Adaptation, and Vulnerability. Part A: Global and Sectoral Aspects. Contribution of Working Group II to the Fifth Assessment Report of the Intergovernmental Panel on Climate Change [Field, C.B., V.R. Barros, D.J. Dokken, K.J. Mach, M.D. Mastrandrea, T.E. Bilir, M. Chatterjee, K.L. Ebi, Y.O. Estrada, R.C. Genova, B. Girma, E.S. Kissel, A.N. Levy, S. MacCracken, P.R. Mastrandrea, and L.L. White (eds.)]. Cambridge University Press, Cambridge, United Kingdom and New York, NY, USA, pp. 1-32.
Vogt, J.V., Naumann, G., Masante, D., Spinoni, J., Cammalleri, C., Erian, W., Pischke, F., Pulwarty, R., Barbosa, P. (2018), Drought Risk Assessment. A conceptual Framework. EUR 29464 EN, Publications Office of the European Union, Luxembourg, ISBN 978-92-79-97469-4, doi:10.2760/057223, JRC113937
WMO (2016) Handbook of Drought Indicators and Indices