สธ.สั่งชะลอฉีด วัคซีน Astrazeneca ออกไป 1-2 สัปดาห์ รอพิสูจน์ผลสาเหตุแท้จริง หลังพบผู้รับวัคซีนในเดนมาร์กเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
กรณีประเทศเดนมาร์กระงับการฉีดวัคซีน Astrazeneca ชั่วคราว หลังพบภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้รับการฉีดวัคซีนบางราย
ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงานการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระบุกระทรวงสาธารณสุขจำเป็นต้องชะลอการฉีดวัคซีน Astrazeneca ไปก่อน เนื่องจากพบว่า ผู้รับวัคซีนในประเทศเดนมาร์กได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนดังกล่าว จากการเกิดเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ และมีผลไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ทำให้ประเทศเดนมาร์กต้องชะลอการฉีดวัคซีนดังกล่าว ดังนั้นคณะแพทย์ไทยและทีมงานทางด้านฉีดวัคซีนจึงต้องนำมาพิจารณา
“กระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทย์หวังอย่างเดียวคือวัคซีนต้องปลอดภัยที่สุดสำหรับประชาชน ดังนั้นหากมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เราไม่จำเป็นต้องรีบฉีด แม้ Astrazeneca จะมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี แต่เมื่อมีคนขอให้ชะลอ เราควรรอฟังผลนั้น เพราะคงต้องไปสืบค้นเหตุที่เกิดในประเทศยุโรปก่อนว่ามาจากการฉีดวัคซีนหรือไม่”
ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวยืนยัน วัคซีนของ Astrazeneca มีความปลอดภัย โดยปัจจุบันฉีดวัคซีนไปแล้ว 34 ล้านโดส และมีผลข้างเคียงในผู้ป่วยบางราย อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น จึงขอชะลอการฉีดออกไป 1-2 สัปดาห์ เพื่อรอฟังผลการยืนยันว่าถูกต้อง จะยิ่งสร้างความมั่นใจว่าวัคซีนที่ฉีดให้ประชาชนปลอดภัย เพราฉะะนั้นขอให้ทุกคนมั่นใจว่าสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขกำลังจะมอบให้นั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
ด้าน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากประเทศเดนมาร์กที่ชะลอการฉีดวัคซีน Astrazeneca ยังมีประเทศออสเตรีย เอสโตเนีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก ลัตเวีย ที่ประกาศชะลอตามไปด้วย ทั้งนี้ ย้ำว่า เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นจะมีการสืบค้นหาสาเหตุและประเมินอุบัติการณ์การเกิดลิ่มเลือดเปรียบเทียบกับคนไม่ได้รับวัคซีนในกลุ่มประเทศยุโรป เนื่องจากมีตัวเลขการป่วยไม่แตกต่างกัน โดยหากพบว่าไม่ได้มีต้นเหตุจากวัคซีนดังกล่าว จะกลับมาใช้อีกครั้ง
ขณะที่ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การฉีดวัคซีนจำนวนมาก โอกาสจะเกิดอาการไม่พึงประสงค์หรืออาการอื่น ๆ ร่วมกับการฉีดวัคซีน ย่อมเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ เมื่อเกิดอะไรขึ้นก็ตามแต่ จะต้องพิสูจน์ว่าโรคหรืออาการนั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่
ส่วนกรณีการเกิดลิ่มเลือดนั้น จะเห็นว่า ที่ผ่านมาเมื่อเราโดยสารเครื่องบิน จะมีคำแนะนำให้ขยับ ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อละลายลิ่มเลือด เพราะหากนั่งหรือนอนนาน ๆ จะทำให้เลือดมีโอกาสแข็งตัวในหลอดเลือดดำ และหลุดเข้าไปในปอด ทำให้เลือดกลับเข้าปอดไม่ได้ โดยเฉพาะก้อนขนาดใหญ่ที่อาจส่งผลอันตรายต่อชีวิต
ทั้งนี้ อุบัติการณ์ดังกล่าวพบมากในคนเชื้อชาติแอฟริกันและยุโรปมากกว่าเอเชีย โดยปกติคนยุโรปพบมากกว่าเอเชีย 3 เท่า ทำให้เราเชื่อว่าปัจจัยพันธุกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคนี้และพบได้ในยามปกติ
ศ.นพ.ยง ยังกล่าวว่า การฉีดวัคซีนรอบนี้จำนวน 3 ล้านโดส ปรากฎว่ามีผู้ป่วยเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ 22 ราย เสียชีวิต 1 ราย อุบัติการณ์เปรียบเทียบเท่ากับ 7 ใน 1 ล้านราย แน่นอนต้องมีการสอบสวนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรณีที่ฉีดวัคซีนแล้วเกิดอาการมากกว่าภาวะปกติ ต้องหาสาเหตุว่า วัคซีนทำให้เกิดอะไร ถึงทำให้ลิ่มเลือดแข็งตัวได้ง่าย
“ไม่ได้บอกว่าวัคซีนไม่ดีหรือมีปัญหา แต่ต้องเลื่อนเพื่อดูสถานการณ์ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ดังนั้นจึงให้ชะลอไปก่อน ไม่ใช่การยุติฉีด”
หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว