Thailand Web Stat Truehits.net
เครื่องหมายอัศเจรีย์

แนวโน้มงบประมาณก่อสร้าง กำแพงกันคลื่น สูงขึ้นหลังไม่ต้องทำ EIA

…ทำไมต้องยกเลิกการทำ EIA โครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น….

⁃ จากกรณีมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 34 และ วันที่ 13 ก.พ. 39 ที่ให้อำนาจกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินโครงการป้องกันชายฝั่ง อีกทั้ง ในปี 2556 ยังเพิกถอน กำแพงกันคลื่น ออกจากกิจการหรือโครงการที่ต้องทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามประกาศแนบท้ายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งการประกาศเพิกถอน กำแพงกันคลื่น ออกจากโครงการที่ต้องทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมนั้น ส่งผลให้โครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมถึงขาดการตรวจสอบความโปร่งใสและความถูกต้องของโครงการ นับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กรมโยธาธิการและผังเมือง อาศัยช่องว่างทางกฎหมายดังกล่าวดำเนินการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นบนชายหาดในประเทศไทยจนเกิดการระบาดของกำแพงกันคลื่นอันเป็นเหตุให้ชายหาดไทยถูกทำลายจนอยู่ในภาวะวิกฤตโดยเฉพาะ หาดท่องเที่ยวสำคัญ ซึ่งถือเป็นอัตลักษณ์ที่ต้องดำรงไว้

….งบเพิ่มขึ้นแต่ปัญหากัดเซาะชายฝั่งไม่ลดลง

⁃ กลุ่ม Beach for life และ ภาคีเครือข่ายประชาชนทวงคืนหาดทราย ได้รวบรวมข้อมูลการใช้งบประมาณในการป้องกันชายฝั่ง ด้วยโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กรมเจ้าท่า และกรมโยธาธิการและผังเมือง พบว่าหลังการเพิกถอนกำแพงกันคลื่นออกจากการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) มีโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นเกิดขึ้น 125 โครงการทั่วทุกชายหาดในประเทศไทย รวมพบการใช้งบประมาณทั้งสิ้น 8,487,071,100 บาท โดยกรมเจ้าท่าดำเนินการโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น จำนวน 18 โครงการ งบประมาณ 1,792,171,000 บาท ส่วนกรมโยธาธิการฯดำเนินการโครงการกำแพงกันคลื่น 107 โครงการใช้งบประมาณ 6,694,899,400 บาท รวมระยะทางการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นเฉพาะของกรมโยธาธิการ 70.413  กิโลเมตรตลอดแนวชายฝั่ง จากตัวเลขการใช้จ่ายงบประมาณ สะท้อนให้เห็นว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง กลายเป็นหน่วยงานหลักที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นมากที่สุดต่อเนื่องทุกปี แต่ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในชุมชนที่กรมโยธาธิการฯเข้าไปดำเนินโครงการ และนี่เป็นที่มาที่ทำให้เครือข่ายภาคประชาชน ต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาผ่านการขับเคลื่อนข้อเรียกร้องเพื่อส่งเสียงถึงรัฐบาล เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และงบประมาณถูกจัดสรรไปใช้แก้ปัญหาการกัดเซาะอย่างตรงจุด 

…ข้อเรียกร้องสำคัญของกลุ่มอนุรักษ์ 3 ข้อหลัก…

1.ขอให้คณะรัฐมนตรีมีคำสั่งยกเลิกมติคณะที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ.2534 ที่ให้อำนาจกรมโยธาธิการและผังเมืองในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า กรมโยธาธิการฯไม่มีความรู้ ความเข้าใจในการป้องกันและจัดการปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า กรมโยธาธิการฯ ใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการสร้างกำแพงกันคลื่น เพื่อทำลายชายหาด 

2.ขอคณะรัฐมนตรีมีคำสั่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำเอาโครงการกำแพงกันคลื่นกลับมาเป็นโครงการที่ต้องทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ดังเดิม เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิให้แก่ประชาชนและชุมชน รวมถึงเพื่อให้เกิดกระบวนการและกลไกในการตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชนก่อนดำเนินการโครงการกำแพงกันคลื่น 

3.ขอให้คณะรัฐมนตรี มีคำสั่งให้มีการฟื้นฟูสภาพชายหาดที่ได้รับความเสียหายจากการก่อสร้างกำแพงกันคลื่น โดยเฉพาะหาดท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย เพื่อฟื้นฟูชายหาดให้กลับมาดังเดิม 

กำแพงกันคลื่น 2
…EIA  คืออะไร…

EIA ย่อมาจาก Environmental Impact Assessment Report หรือการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นการศึกษาเพื่อคาดการณ์ผลกระทบทั้งในทางบวกและทางลบจากการพัฒนาโครงการ  เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและใช้ในการประกอบการตัดสินใจพัฒนาโครงการ โดยพ...สิ่งแวดล้อมฯกำหนดให้โครงการหรือกิจการตามประเภทและขนาดต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility study) และการออกแบบรายละเอียดเพื่อก่อสร้างเพื่อให้ทราบถึงผลกระทบที่แท้จริงโครงการที่แม้จะมีผลกำไรหรือความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ค่อนข้างสูงแต่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจนทำให้ไม่คุ้มทุน

ข้อดีของ EIA คือ ช่วยหาทางป้องกันผลกระทบในทางลบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นในโครงการนั้นให้เกิดน้อยที่สุด ในขณะเดียวกันก็มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้อย่างมีประโยชน์และคุ้มค่าที่สุด นอกจากนี้ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจของนักบริหารหรือผู้ประกอบการว่าสมควรดำเนินโครงการนั้นต่อหรือไม่ การทำ EIA จะเป็นประโยชน์อย่างมาก หากได้รับการวางแผนป้องกันปัญหาต่างๆ  ตั้งแต่ขั้นตอนศึกษาความเหมาะสมของโครงการและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังดำเนินโครงการไปแล้ว โดยในรายงาน EIA จะมีการกำหนดมาตรการป้องกัน และติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประกอบเป็นหัวข้อหลักที่สำคัญของรายงานอีกด้วย

กำแพงกันคลื่น 3

สำหรับประเภทและขนาดของโครงการที่ต้องทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย

เขื่อนเก็บกักน้ำหรืออ่างเก็บน้ำตั้งแต่ 100,000,000 ลบ..ขึ้นไปหรือมีพื้นที่เก็บกักน้ำตั้งแต่ 15 ตารางกิโลเมตรขึ้นไป

การชลประทานตั้งแต่ 80,000 ไร่ขึ้นไป

สนามบินพาณิชย์ทุกขนาด

โรงแรมหรือที่พักตากอากาศที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฝั่งทะเลทะเลสาบหรือชายหาดหรืออยู่ใกล้หรือในอุทยานแห่งชาติ 80 ห้องขึ้นไป

ระบบทางพิเศษทุกขนาด

การทำเหมืองแร่ทุกขนาด

นิคมอุตสาหกรรมทุกขนาด

ท่าเรือพาณิชย์ขนาดตั้งแต่ 500 ตันกรอสขึ้นไป

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนตั้งแต่ 10 เมกกะวัตต์ขึ้นไป

การอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 100 ตันต่อวันขึ้นไป

โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมทุกขนาด

โรงแยกแก๊สทุกขนาด

อุตสาหกรรมคลออัลคาไลน์ที่ใช้ NaCl เป็นวัตถุดิบในการผลิต Na2CO3, NaOH, HCl, Cl2, NaOCl และปูนคลอรีน 100 ตันต่อวันขึ้นไป

อุตสาหกรรมเหล็กหรือเหล็กกล้า 100 ตันต่อวันขึ้นไป

อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ทุกขนาด

โรงถลุงหรือหลอมโลหะ 50 ตันขึ้นไป

อุตสาหกรรมการผลิตเยื่อกระดาษ 50 ตันต่อวันขึ้นไป

การจัดสรรที่ดินเกินกว่า 100 ไร่หรือ 500 แปลง

โรงพยาบาลขนาด 60 เตียงยกเว้นที่ตั้งริมแม่น้าฝั่งทะเลทะเลสาบชายหาดขนาด 30 เตียง

การถมที่ดินในทะเลทุกขนาด

กำแพงกันคลื่น 5

EIA มีขั้นตอนการดำเนินงาน 3 ระยะคือ

กลั่นกรองโครงการว่ามีผลต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับใด

กำหนดขอบเขตที่เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียผู้ที่ได้รับผลกระทบหน่วยงานของรัฐและผู้ดำเนินโครงการ

การจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม 4 ด้าน (ด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางกายภาพทรัพยากรสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ, คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์และคุณค่าต่อคุณภาพชีวิต

แชร์