
ค่าฝุ่น กทม.พุ่งเกินมาตรฐาน 46 เขต จากทั้งหมด 50 เขต นักวิชาการเผยสาเหตุเกิดจากปรากฎการณ์ฝาชีครอบต่ำ-ภาวะลมนิ่ง และการเผา
กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทย วันนี้ พบมีมลพิษทางอากาศที่ตรวจพบเกินมาตรฐานได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) โดยตรวจพบค่าระหว่าง 38 – 114 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) ซึ่งอยู่ในระดับเกินค่ามาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและกระทบกับสุขภาพแล้วในหลายพื้นที่ของ กทม.และปริมณฑล เฉพาะกทม. จากภาพรวม 50 เขต พบค่าฝุ่น อยู่ในระดับส่งผลกระทบกับสุขภาพถึง 46 เขต สูงสุดที่เขตหนองแขมพบค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 114 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่อีก 4 เขต ประกอบด้วย เขตพระนคร, ห้วยขวาง, สะพานสูงและวัฒนา พบคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง
รศ.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์และนักวิจัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่า สาเหตุหลักของฝุ่นพิษดังกล่าวมาจากปรากฎการณ์ฝาชีครอบต่ำและภาวะลมนิ่ง ที่สำคัญคือการเผาในภาคการเกษตรทางตอนเหนือและตะวันออกของ กทม. แบบระยะประชิดหลายจุด ประกอบกับมีลมพัดพามาสมทบกับฝุ่นในพื้นที่ ซึ่งเกิดจากรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อมาเสริมด้วยฝุ่นข้ามแดนที่เดินทางมาไกลบางส่วนจากประเทศกัมพูชา ด้วยพื้นที่ที่แออัดมากของ กทม.และปริมณฑล รวมถึงการมีตึกสูงจึงทำให้ฝุ่นพิษเมื่อเข้ามาในพื้นที่แล้วระบายออกได้ช้ากว่าปกติ
ส่วนปริมาณฝุ่นที่เกิดขึ้นที่ภาคเหนือบริเวณ จ.เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน และ อีกหลายพื้นที่ นั้นมาจากสาเหตุของสภาพอากาศปิดจากปรากฎการณ์ฝาชีครอบต่ำและภาวะลมนิ่งเช่นกัน อีกทั้งยังมีการเผาจากทั้งประเทศเมียนมา และ สปป.ลาวสำหรับกรณีการตรวจพบจุดความร้อน ซึ่งรายงานโดย GISTDA พบว่าประเทศไทยมี 259 จุด ลดลงจากเมื่อวานที่มี 352 จุด สาเหตุส่วนใหญ่ยังคงมาจากการเผาพื้นที่การเกษตร คิดเป็น 68% ของจำนวนจุดความร้อนทั้งหมด ที่เหลือคือเกิดจากพื้นที่ป่า 21% และพื้นที่อื่น 11% ส่วนฝุ่นพิษข้ามแดนวันนี้ พบสาเหตุหลักมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะ สปป.ลาว ที่มีจุดความร้อนสูงสุดถึง 10,167 จุด ตามด้วยเมียนมา 1,935 จุด และกัมพูชา 838 จุด
อย่างไรก็ตาม ประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์ ควรงดกิจกรรมกลางแจ้งในระยะนี้ ส่วนบุคคลทั่วไปควรสวมใส่หน้ากากเพื่อป้องกัน