
กุ้งมังกร อเมริกันถือเป็นอาหารทะเลที่อร่อยและเป็นที่นิยม แต่อาจจะไม่ใช่อาหารที่กินได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป และผู้บริโภคควรลดการกิน กุ้งมังกร ชนิดนี้ – นี่เป็นคำเตือนจาก Seafood Watch กลุ่มสังเกตการณ์การทำประมง
องค์กรนี้ออกประกาศดังกล่าวหลังจากพบว่าอุปกรณ์ทำประมงที่ใช้ในการจับกุ้งมังกรและสัตว์ทะเลอีกหลายชนิด มักเป็นสาเหตุให้วาฬไรต์แอตแลนติกเหนือว่ายไปติดและได้รับอันตราย โดยประชากรวาฬสายพันธุ์นี้ลดลงเหลือไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น ซึ่งคาดว่าช่วงทศวรรษที่ผ่านมาประชากรวาฬไรต์แอตแลนติกเหนือลดลงถึง 28% และหน่วยงานดูแลด้านสัตว์ป่าเตือนว่าอาจจะสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้

Seafood Watch เป็นส่วนหนึ่งของ Monterey Bay Aquarium ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำเชิงวิทยาศาสตร์แก่ธุรกิจต่างๆ ที่ทำธุรกิจค้าอาหารทะเล และยังให้ข้อมูลคำแนะนำแก่ผู้บริโภคโดยตรงอีกทางหนึ่ง ซึ่ง Seafood Watch ขึ้นบัญชีแดงกุ้งมังกรอเมริกัน พร้อมปลาและปูบางสายพันธุ์ เนื่องจากผลกระทบในการจับสัตว์น้ำเหล่านี้ที่มีต่อวาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ
ทางองค์กรหวังว่าการเตือนให้เลี่ยงการบริโภคกุ้งมังกรอเมริกัน ซึ่งมักจับกันที่นอกชายฝั่งรัฐเมน แคนาดา และจุดอื่นๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก จะช่วยสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของวาฬสายพันธุ์นี้ พร้อมกับกดดันให้ภาคการประมงและฝ่ายการเมืองเดินหน้าปกป้องสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดนี้ให้มากขึ้น

แต่อีกด้านหนึ่งบรรดาชาวประมงที่จับกุ้งมังกรมองว่าคำเตือนนี้ไม่เหมาะสม เพราะภาคการประมงปฏิบัติตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ปกป้องวาฬอยู่แล้ว จีงไม่แน่ว่าความเคลื่อนไหวของ Seafood Watch จะได้ผลหรือไม่เนื่องจากผู้ค้ากุ้งมังกรรายใหญ่ๆ อาจจะไม่ยุติการจำหน่ายอาหารทะเลยอดนิยมชนิดนี้
กุ้งมังกรอเมริกันเป็นที่นิยมสูงสุด แม้จะมีกุ้งมังกรสายพันธุ์อื่นๆ ให้เลือกบริโภคอีกหลายชนิด ซึ่งการจับกุ้งมังกรชนิดนี้ตลอดแนวชายฝั่งทางตะวันออกของสหรัฐฯ และแคนาดา ใช้วิธีการดั้งเดิมไม่ต่างจากเมื่อช่วงทศวรรษที่ 1800
ชาวประมงส่วนมากยังคงใช้ที่ดักกุ้ง ซึ่งใส่เหยื่อล่อเข้าไปภายในและหย่อนลงสู่ก้นทะเล แต่เพื่อให้เก็บขึ้นมาได้ง่าย จึงโยงเชือกไว้กับทุ่นที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ

เชือกเหล่านี้มักพันตัววาฬ และทำให้พวกมันไม่สามารถขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำได้ หรือจะดำลึกลงไปเพื่อหาอาหารก็ไม่ได้ หากไม่ตายลงอย่างรวดเร็วจากการขาดอากาศหายใจหรือขาดอาหาร วาฬบางตัวอาจจะว่ายน้ำพร้อมลากอุปกรณ์เหล่านี้ไปนานหลายปี ทำให้เนื้อตัวเป็นแผลลึก เกิดอาการเหนื่อยอ่อนจากการต้องลากสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ไปด้วยทุกหนแห่ง จนขาดพลังงานในการเติบโตหรือสืบเผ่าพันธุ์
นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าวาฬไรต์แอตแลนติกเหนือมีชีวิตอยู่ไม่เกิน 350 ตัวในปัจจุบัน และในจำนวนนี้เป็นเพศเมียที่ขยายพันธุ์ได้ไม่ถึง 100 ตัว โดยการถูกเชือกพันเป็นสาเหตุหลักของการบาดเจ็บและล้มตายสำหรับสิ่งมีชีวิตที่เสี่ยงสูญพันธุ์ชนิดนี้ ซึ่งหากจะหลีกเลี่ยงการสูญพันธุ์ให้ได้ นักวิทยาศาสตร์จากหน่วยงานประมงแห่งชาติสหรัฐฯ คำนวณว่าแต่ละปีจะต้องมีวาฬที่ตายลงจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ไม่เกิน 1 ตัว

ในปี 2021 หน่วยงานประมงดังกล่าวประกาศกฎใหม่สำหรับการจับกุ้งมังกรอเมริกันในน่านน้ำสหรัฐฯ เพื่อลดจำนวนเชือกแนวดิ่งในเขตที่อยู่อาศัยของวาฬไรต์แอตแลนติกเหนือ และให้ใช้เชือกที่ไม่เหนียวมากนักเพื่อให้วาฬสลัดออกได้ง่ายหากถูกเชือกพัน ซึ่ง Seafood Watch และองค์กรอนุรักษ์อื่นๆ มองว่ามาถูกทาง แต่ยังไม่เพียงพอให้วาฬฟื้นตัว
Sam Wilding จาก Seafood Watch ระบุว่า แต่ละปีมีวาฬตายเฉลี่ย 7.7 ตัว จากสาเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับฝีมือมนุษย์ เท่าที่มีข้อมูล โดยในจำนวนนี้ 5.7 ตัวต้องตายจากการถูกอุปกรณ์ประมงพันตัว ส่วนอีก 2 ตัวตายจากการถูกเรือชน
ขณะที่ชาวประมงมองว่าพวกเขาไม่ควรถูกกล่าวโทษว่ามีส่วนผิดในการทำให้ประชากรวาฬไรต์แอตแลนติกเหนือลดจำนวนลง เนื่องจากปฏิบัติตามกฎของภาครัฐในการทำประมงอยู่เสมอ

ส่วนทางออกของปัญหานี้ทางหนึ่ง มีการเสนอให้ใช้อุปกรณ์ประมงแบบไร้เชือก เหมือนอย่างที่ใช้กันในออสเตรเลีย และกำลังนำมาทดสอบในสหรัฐฯ โดยการใช้งานไม่ต่างจากที่ดักกุ้งปกติ แต่สามารถนำกลับขึ้นมายังผิวน้ำได้โดยใช้อุปกรณ์ที่ควบคุมได้จากระยะไกลผ่านรีโมตคอนโทรล จึงไม่ต้องอาศัยเชือกโยง แต่อุปกรณ์ลักษณะนี้ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย และกับดักไร้เชือกแต่ละอันอาจมีราคาสูงถึง 2,000-4,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 72,000-144,000 บาท เมื่อเทียบกับที่ดักกุ้งแบบดั้งเดิมที่ราคาเพียงอันละ 50-180 เหรียญ หรือราว 1,800-6,500 บาทเท่านั้น
ปัญหานี้ทำให้ Seafood Watch แนะให้ผู้บริโภคหันไปเลือกกินรับประทานกุ้งมังกรสายพันธุ์อื่นๆ จากฟลอริดาหรือแคลิฟอร์เนียแทน จนกว่าจะแก้ปัญหาการจับกุ้งมังกรอเมริกันได้ แต่ก็ยังไม่แน่ว่าภาคธุรกิจอาหารทะเลและผู้บริโภคเองจะรับฟังคำแนะนำนี้มากน้อยแค่ไหน
( เรียบเรียงจาก https://www.nytimes.com/2022/09/13/science/lobsters-right-whales-maine.html )