เครื่องหมายอัศเจรีย์

ทีมกรุ๊ป จับตาภาคกลาง 5-7 ต.ค.เสี่ยงน้ำท่วม 

นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีมกรุ๊ป  เปิดเผยข้อมูลกับศูนย์พัฒนาการสื่อสารด้านภัยพิบัติว่า แม้พายุจะผ่านพ้นประเทศไทยไปช่วงรอยต่อต้นเดือนตุลาคม  แต่ร่องมรสุมยังอยู่ และคาดว่าจะมีฝนตกต่อเนื่อง ส่งผลให้วันที่ 5 ถึง 7 ตุลาคม 2565 ปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้น และยิ่งเติมน้ำพื้นที่ทุ่ง พื้นที่ จ.พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว (อ้างอิงจากภาพถ่ายดาวเทียมจิสด้า) 

ขณะที่การตรวจสอบพื้นที่ จ.ลำปาง ที่มีเขื่อนกิ่วคอหมา พบว่ามีปริมาณน้ำเต็มอ่าง ขณะที่เขื่อนกิ่วลมมีน้ำมากกว่าครึ่ง หากมีฝนตกจากอิทธิพลพายุ และฝนในประเทศ ทั้งสองเขื่อนต้องระบายน้ำออก นั่นหมายความจังหวัด นครสวรรค์ ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะต้องรับน้ำจาก พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร กับเส้นทางแม่น้ำวัง ที่ไหลจากจังหวัดลำปาง ผ่าน กำแพงเพชร  ซึ่งหมายความว่า  แม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีน้ำค่อนข้างเยอะอยู่ก่อนหน้านี้ และผลจากพายุโนรู  และมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น  พื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่แล้ว จะเพิ่มสูงขึ้นอีก และกระจายวงกว้างขึ้นอีก 

นอกจากนี้ ยังพบว่าช่วงวันที่ 7 ถึง 11 ต.ค. 2565 เข้าสู่ช่วงน้ำทะเลหนุนสูง  ที่ในบางช่วงเวลาน้ำทะเลจะดันขึ้นมาถึงสถานีบางไทร ซึ่งหากในช่วงนั้น น้ำที่ผ่านสถานีบางไทร อยู่ที่ 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ทั้งในจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ อยู่ในภาวะวิกฤต 

ความสำคัญสถานีวัดน้ำบางไทร เป็นด่านสุดท้ายที่จะชี้ว่า กรุงเทพฯ  และปริมณฑล จะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากเป็นจุดรวมน้ำ ทั้งแม่น้ำน้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก รวมถึงแม่น้ำน้อย 

เมื่อถามว่า การระบายน้ำลงสู่ทะเล จะคลี่คลายเมื่อไหร่?

การวิเคราะห์แบบจำลอง โดยอาศัยตัวแปรพายุโนรูและร่องความกดอากาศในประเทศ พบว่ามีแนวโน้มยืดเยื้อไปจนถึงต้นเดือน พ.ย.  แต่ถ้ามีพายุเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งต้องจับตาดูหลังจากนี้ ทุก 7 ถึง 10 วัน ก็อาจทำให้ประชาชนประสบปัญหาน้ำท่วมยาวนานไปอีก

แชร์