
งานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience ระบุว่า ธารน้ำแข็ง ขนาดใหญ่ทางขั้วโลกใต้ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นหลายเมตรกำลังละลายเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้
ธารน้ำแข็งทเวตส์ หรือ Thwaites Glacier ตั้งอยู่ทางตะวันตกของทวีปขั้วโลกใต้และเป็นที่รู้จักในนาม “ธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก” เพราะนักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าหากธารน้ำแข็งนี้ละลายลง ระดับน้ำทะเลอาจเพิ่มสูงกว่า 1-3 เมตร โดยหลังจากศึกษาภาพความละเอียดสูงของธารน้ำแข็งนี้ นักวิจัยพบว่าขนาดของธารน้ำแข็งกำลังเผชิญกับสภาวะ “การละลายตัวอย่างรวดเร็ว” ซึ่งเกิดขึ้นมาตลอดช่วงสองศตวรรษที่ผ่านมา แต่คราวนี้พบว่าเกิดขึ้นภายในช่วงเวลาเพียงหกเดือน

นักวิจัยให้ข้อสรุปว่าธารน้ำแข็งนี้ “หลุดออกจากแนวสันท้องมหาสมุทรแล้ว” และกำลังละลายตัวในอัตราประมาณ 2 กิโลเมตรต่อปี ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ช่วงระหว่างปี 2554-2562 ถึงสองเท่า
ธารน้ำแข็งทเวตส์เป็นธารน้ำแข็งที่มีฐานยึดกับพื้นท้องมหาสมุทร ซึ่งแตกต่างจากฐานน้ำแข็งอื่นที่มีฐานยึดกับแผ่นดิน ทำให้มีความเปราะบางต่ออุณหภูมิน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากฝีมือมนุษย์ โดยธารน้ำแข็งทเวตส์นี้ทำให้ระดับน้ำในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นมาแล้วปีละ 4%
Alastair Graham นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัย South Florid หนึ่งในทีมวิจัย ระบุว่า การละลายของธารน้ำแข็งนี้จะเป็นเหตุการณ์ “ชี้เป็นชี้ตาย” ของโลก โดยเฉพาะทวีปขั้วโลกใต้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
องค์การสหประชาชาติระบุว่า ประชากรมากกว่า 40% ของโลกอาศัยอยู่ในระยะไม่เกิน 96 กิโลเมตรจากชายฝั่งทางขั้วโลกใต้ ซึ่งจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น

Robert Larter จากสถาบันวิจัย British Antarctic Survey นักวิจัยอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า ธารน้ำแข็งทเวตส์กุมความอยู่รอดของโลกไว้ในมือ และมนุษย์จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในเวลาไม่นานจากนี้ อาจจะภายในปีเดียว หรือปีถัดไป เมื่อธารน้ำแข็งละลายจนเผยให้เห็นแนวสันพื้นท้องทะเล
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ระบุว่า ภาพดาวเทียมที่ถ่ายเมื่อปลายปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่า มีรอยร้าวบนแผ่นน้ำแข็งที่ค้ำธารน้ำแข็งทเวตส์ทางฝั่งตะวันออกเอาไว้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์มองว่ารอยร้าวนี้อาจขยายตัวเป็นวงกว้างไปทั่วทั้งแผ่นน้ำแข็ง หากมีลมพัดแรง

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยกล่าวว่า การแตกของแผ่นน้ำแข็งดังกล่าวคงไม่ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นในทันที แต่อาจทำให้ธารน้ำแข็งทเวตส์ละลายเร็วขึ้น เพราะเนื้อน้ำแข็งจากด้านในแตกออกมาโดนน้ำทะเล
ขณะที่ทีมวิจัยระบุว่าไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่นอนว่าธารน้ำแข็งจะละลายจนหมดเมื่อใด แต่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนภายในอีก 75 ปีข้างหน้ามีความจำเป็นอย่างมากต่อการชะลอการละลายของธารน้ำแข็ง ย้ำเตือนให้เห็นว่ามนุษย์ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อยับยั้งไม่ให้มหาสมุทรอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นไปกว่านี้
ที่มา