GLAMOS เครือข่ายติดตามธาร น้ำแข็ง ในสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่าธารน้ำแข็งสวิสมีอัตราการละลายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเปรียบเทียบจากสถิติที่เคยบันทึกมาตลอดกว่า 100 ปี โดยสูญเสียปริมาตรที่เหลืออยู่ไปกว่า 6% ในปีนี้ หรือเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับสถิติเมื่อปี 2546
การละลายของธารน้ำแข็งในปีนี้รุนแรงมากจนทำให้ลานหินที่จมอยู่ใต้น้ำแข็งมากว่า 1,000 ปีโผล่ขึ้นเหนือพื้นดิน อีกทั้งมีการค้นพบร่างผู้เสียชีวิตและเครื่องบินที่หายไปกว่าหลายสิบปีในเขตเทือกเขาแอลป์ ขณะที่ธารน้ำแข็งขนาดเล็กได้ละลายลงจนหมด
Matthias Huss หัวหน้าเครือข่ายติดตามธารน้ำแข็งที่มีชื่อว่า GLAMOS ซึ่งย่อมาจาก Swiss Glacier Monitoring Network กล่าวว่า มนุษย์ทราบดีว่าสถานการณ์ของสภาพภูมิอากาศเช่นนี้จะต้องเกิดขึ้นสักวัน และสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นแล้วในตอนนี้ ซึ่งนับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตกใจ หรือน่าสะพรึงกลัวที่สุดตลอดช่วงฤดูร้อนนี้
ธารน้ำแข็งมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ปกคลุมเทือกเขาแอลป์อยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณสองเท่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลก
นักวิทยาศาสตร์หลายคนที่ทำงานวิจัยในพื้นที่บนเทือกเขาแอลป์ ต่างต้องซ่อมแซมจุดที่ทำการวิจัยเป็นการฉุกเฉิน เพราะการละลายของน้ำแข็งราวกับไล่รื้อธงที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการวัดค่าให้หลุดออก ส่งผลกระทบต่อการเก็บสถิติเป็นอย่างมาก
การสูญเสียมวลของธารน้ำแข็งอย่างรุนแรงถึง 3 ลูกบาศก์กิโลเมตรเป็นผลมาจากปริมาณหิมะที่ตกน้อยกว่าปกติ ร่วมกับปรากฏการณ์คลื่นความร้อนหลายระลอกที่เกิดขึ้นติดต่อกัน จากที่โดยปกติแล้วหิมะที่ตกลงมาจะช่วยเติมปริมาณน้ำแข็งที่ละลายไปในช่วงฤดูร้อน และมีบทบาทป้องกันธารน้ำแข็งจากการละลาย ด้วยการสะท้อนแสงแดดกลับไปสู่ชั้นบรรยากาศ
รายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติหรือ IPCC ระบุว่า หากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าธารน้ำแข็งบนเทือกเขาแอลป์จะสูญเสียมวลไปกว่า 80% ภายในปี 2643 เมื่อเทียบกับมวลปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาอย่างไรในตอนนี้ ธารน้ำแข็งจะยังคงละลายลงจนหมดในหลายพื้นที่ ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากปรากฎการณ์โลกร้อนที่สั่งสมมานาน
