ในช่วงสัปดาห์นี้หลายคนต้องใช้เวลาอยู่บนท้องถนนนานขึ้น จากสถานการณ์น้ำท่วมสูงใน กทม. และปริมณฑล ในสัปดาห์นี้ สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนว่าน้ำจะท่วมสูงเหมือนในปี 2554 หรือไม่…..? เพราะด้วยปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่เอง ประกอบกับปริมาณของน้ำเหนือก็ยังสูงอยู่
ผศ.สิตางศุ์ พิลัยหล้า อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ให้ข้อมูลกับศูนย์พัฒนาการสื่อสารด้านภัยพิบัติ ว่า อย่างแรกที่ควรเตรียมตัวกับเหตุการณ์นี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับคนกรุง สิ่งที่เราทำได้เบื้องต้น คือ ระวังอย่าให้ถังขยะที่อยู่ตามจุดต่างๆ ล้ม เพราะจะทำให้ขยะไหลตามน้ำเข้าไปอุดตันตามท่อระบายน้ำ ต่อมาให้รีบเคลื่อนย้ายคนออกจากพื้นที่เสี่ยง และให้หน่วยงานต่างๆ สั่ง work for home เพื่อลดปัญหาการเดินทาง และปัญหารถติดสะสม สิ่งสุดท้ายคือ ควรมีการจัดระบบจราจรการระบายน้ำ โดยกำหนดพื้นที่เสี่ยง เช่น เขตชุมชน พื้นที่คนสัญจรจำนวนมาก หรือจุดที่มีถนนสายสำคัญ โดยให้พื้นที่เหล่านี้สูบน้ำลงคลองก่อน
“จะท่วมหนักเหมือนปี 54 หรือไม่?”
กลายเป็นประเด็นที่หลายคนสงสัย ซึ่ง ผศ.สิตางศุ์ ยืนยันว่า เหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลขณะนี้ไม่ได้รุนแรงเหมือนปี 2554 เพราะน้ำเหล่านี้มาจากฝนที่ตกลงในพื้นที่เท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่น้ำท่วมสูง เนื่องจากมีน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้คลองระบายน้ำออกได้อย่างช้าๆ
“ฝนก็ตกหนักอยู่แล้วถ้าน้ำเหนือไหลมาเพิ่มจะไม่แย่ไปกว่านี้?”
ประเด็นน้ำเหนือก็เป็นหนึ่งข้อกังวลของคนลุ่มน้ำเจ้าพระยา ว่า น้ำเหนือจะเข้ามาเพิ่มปริมาณให้น้ำในคลองสูงขึ้น แต่ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน มั่นใจว่าขณะนี้ปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา อยู่ที่1,500 ล้าน ลบ.ม./วัน เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว อยู่ที่ 2,500 ล้าน ลบ.ม./วัน ซึ่งถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่มีอะไรน่ากังวล หลักจากนี้หากเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบาย กรมชลประทานจะแจ้งให้ประชาชนทราบก่อนล่วงหน้า 3-4 วัน
