นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ให้ข้อมูลกับศูนย์พัฒนาการสื่อสารด้านภัยพิบัติว่า ได้รับข้อมูลจากบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่งจำกัด(มหาชน) ว่า เกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล เมื่อเวลา 09.20 น. ที่ผ่านมา บริเวณทิศเหนือ ห่างจากทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบเดี่ยวกลางทะเลหรือจุดขนถ่ายน้ำมันกลางทะเล(SPM) ประมาณ 3 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นจุดเดิมกับบริเวณที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 65 เบื้องต้น บริษัทฯแจ้งว่า มีปริมาณน้ำมันรั่วไหลประมาณ 5,000 ลิตร แต่ต้องรอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

นายสมนึก จงมีวศิน นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ภาคตะวันออก ระบุว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนความไม่ตื่นตัว ไม่รับผิดชอบของบริษัท และ กรมเจ้าท่า ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ขณะนี้มองว่าเร็วไปที่จะด่วนสรุปสาเหตุ จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความกังวลเรื่องผลกระทบ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ต่อเนื่องจากน้ำมันรั่วรอบแรกเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมตั้งคำถามไปยังบริษัทฯต้นเหตุ “ทำไมถึงไม่มีการป้องกัน และเกิดเหตุซ้ำ” สะท้อนความไม่พร้อมของบริษัทในการบริหารจัดการหรือป้องกันที่ดี มองว่าหากเป็นเช่นนี้ก็ควรที่จะปิดตัวเองไปดีกว่า
ขณะที่ นายบรรเจิด ล่วงพ้น ประธานชุมชนประมงพื้นบ้าน จ.ระยอง บอกกับทีมข่าวว่า ขณะนี้รู้สึกหมดหวังและสิ้นหวังกับการบริหารงานของรัฐที่ไม่มีความตื่นตัวในการป้องกัน ทั้งยังมองว่ามีความพยายามเข้าข้างบริษัทที่เป็นต้นเหตุ เพราะที่ผ่านมารัฐแสดงออกชัดเจนกับชาวประมงพื้นบ้านว่าเป็นตัวแทนของบริษัทฯ โดยตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ชาวประมงยังไม่สามารถออกไปจับสัตว์น้ำได้ เมื่อมาเกิดเหตุนี้ขึ้นอีก จึงเชื่อว่าจะทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถออกไปทำมาหากินได้ตามปกติ ทำให้ต้องมีการกู้หนี้ยืมสินมาใช้ ขณะเดียวกันยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันรั่วในครั้งนี้ว่าอาจมีการบิดเบือนข้อมูลด้วย