จิสด้า (GISTDA) ได้เก็บข้อมูลจากดาวเทียมและพบว่าประเทศไทยเผชิญฝุ่นละอองขนาดเล็ก และPM 2.5 มายาวนาน ข้อมูลจากดาวเทียมบางส่วนระบุแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของ PM 2.5 ในประเทศไทยช่วงปี 2541 – 2559 มีค่าความเข้มข้นกระจุกในพื้นที่ภาคเหนือค่อนข้างมาก โดยเฉพาะน่าน พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮองสอน ซึ่งอยู่ในจุดเสี่ยงที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานมานานเกือบ 20 ปี ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นข้อมูลเชิงสถิติที่เก็บมาตั้งแต่ประเทศไทยยังไม่มีการนำเครื่องมือวัดเข้ามา …..(รายละเอียดตามรูปภาพด้านล่าง ☟ )




(ในกรอบสีน้ำเงิน) ช่วงเวลาของลานีญา ที่ทำให้ฝนตกมาก ฝุ่นจึงน้อยลง (กรอบสีแดง) ช่วงเวลาการเกิดเอลนีโญ ฝนตกน้อย ฝุ่นกลับมาเยอะ )




ปัจจุบัน GISTDA ใช้ดาวเทียมระบบ MODIS ในการติดตามสถานการณ์ PM 2.5 ซึ่งจะได้ข้อมูลวันละ 2 รอบ คือเช้าและบ่าย นอกจากนี้ GISTDA ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการติดตามสถานการณ์ดังกล่าว โดยใช้ดาวเทียม Himawari (ฮิมาวาริ) ซึ่งเป็นดาวเทียมสัญชาติญี่ปุ่นอีก 1 ดวงที่จะทำให้ได้รับข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำในทุกๆ ชั่วโมง
ดาวเทียมสำรวจโลกที่ติดตั้งเซนเชอร์ตรวจวัดจากระยะไกล จะสามารถให้ข้อมูลปริมาณฝุ่นละออง ทั้งที่เป็น PM10 และ PM2.5 ได้ ข้อได้เปรียบของการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมก็คือสามารถวัดและรายงานปริมาณฝุ่นละอองในชั้นบรรยากาศได้ทุกที่ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งได้ข้อมูลที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์และประมวลผล แม้แต่ในพื้นที่ที่ไม่มีสถานีตรวจวัดภาคพื้นดิน ซึ่งปกติสถานีตรวจวัดภาคพื้นดิน จะสามารถตรวจวัดฝุ่น PM 2.5 ในระยะรัศมีใกล้ๆ หากในวันที่เกิดลมแปรปรวน หรือสภาพอากาศเปลี่ยน ก็จะทำให้การตรวจวัดค่าฝุ่นในรัศมีที่ห่างออกไปไม่คงที่

ดร.ปกรณ์ เพ็ชรประยูร ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมภูมิสารสนเทศของ GISTDA กล่าวว่า ปัจจุบันข้อมูลการตรวจวัดจากภาพถ่ายดาวเทียมสำรวจโลกได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษามลพิษสิ่งแวดล้อมหลากหลายมิติ ด้วยดาวเทียมมีการบันทึกข้อมูลอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และมีหลากหลายระบบที่มีคุณลักษณะตรวจวัดแตกต่างกัน ทำให้ได้ข้อมูลแสดงความเชื่อมโยงระบบสิ่งแวดล้อมในระดับมหภาค และนักวิทยาศาสตร์สามารถเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของระบบสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นรูปธรรม GISTDA จึงร่วมมือกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนา application ที่มีชื่อว่า “เช็คฝุ่น” ซึ่งเป็นการนำฐานข้อมูลของข้อมูลจากดาวเทียม ข้อมูลภูมิสารสนเทศ และข้อมูลจากสถานีตรวจวัดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการPM2.5 เชิงพื้นที่ มาผสมผสานเชื่อมโยงกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลแบบเรียลไทม์ชั่วโมงต่อชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้งานได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำให้รับรู้ และเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว และถูกต้อง สามารถหลีกเลี่ยงและป้องกันอันตรายจากมลภาวะทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนสามารถตรวจสอบฝุ่น จากเทคโนโลยีดาวเทียมที่จะติดตามไปทุกที่ตลอดเวลา รวมทั้งฝุ่นข้ามพรมแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน

