
นอกจากปัญหาน้ำท่วมขังจากฝนตกในพื้นที่แล้ว กทม.ยังเป็นจุดรับมวลน้ำจากภาคเหนือผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงต้องประสบภาวะทะเลหนุนสูง ทุกปี ที่ผ่านมาจะเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ถือเป็นปัญหาซ้ำซากที่เกิดเป็นประจำ แต่การรับมือของผู้เกี่ยวข้องยังคงไม่เปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ภาวะโลกรวนกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และท่ามกลางภัยพิบัติที่เกิดขึ้น มีสิ่งหนึ่งที่นักวิชาการด้านน้ำอยากสะท้อนไปยังว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ ในโอกาสที่จะเข้ามารับตำแหน่งหลังจากนี้
“กทม.ต้องร่วมติดตามสถานการณ์น้ำเหนือ-ทะเลหนุน ร่วมกับหน่วยงานและจังหวัดในการวางแผนแบบบูรณาการหากเกิดอุทกภัยระดับประเทศ”
ผศ.สิตางศุ์ พิลัยหล้า อ.ภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ ม.เกษตรศาสตร์ นักวิชาการด้านน้ำ เสนอแนะว่าที่ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ว่า อยากให้กรุงเทพมหานคร ใส่ใจการแก้ปัญหาน้ำท่วม ไม่เพียงเฉพาะแค่ปัญหาน้ำท่วมขังจากฝนตกหนักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาน้ำจากภาคเหนือ และ ทะเลหนุนสูง ที่มักจะเกิดขึ้นทุกปี โดยยกเอาเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ในปี 2554 มาเป็นบทเรียน สิ่งสำคัญคือการต้องไปร่วมรับฟัง และวางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างครอบคลุม ตรงจุด