เครื่องหมายอัศเจรีย์

ภาคประชาชนเชื่อคำสั่ง คสช.ที่ 4/2559  ก่อให้เกิดขยะพิษในขั้นวิกฤต

ข้อเสนอยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ 4/2559 นี้ เกิดขึ้นในเวทีทางออกปัญหามลพิษขยะอุตสาหกรรม ที่ศูนย์พัฒนาการสื่อสารด้านภัยพิบัติ  เชิญภาคประชาชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และตัวแทนพรรคการเมือง ร่วมหารือเพื่อเป็นข้อเสนอนโยบายพรรค ในการแก้ปัญหาขยะอุตสาหกรรม 

ช่วงแรก ผู้เข้าร่วมเวที ร่วมประเมินสถานการณ์ ผลกระทบ รวมถึงแนวทางแก้ปัญหามลพิษจากขยะอุตสาหกรรม  โดยตัวแทนภาคประชาชนทั้งจากจังหวัดฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี มองตรงกันว่า คำสั่งคสช.ที่ 4/2559  เรื่องการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ซึ่งคำสั่งดังกล่าวจะมีผลให้กิจการที่มีความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพได้รับการยกเว้น และสามารถตั้งในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมได้ ทั้งกิจการโรงไฟฟ้า กิจการด้านพลังงาน และกิจการกำจัดและจัดการขยะจำนวนหลายร้อยโครงการทั่วประเทศ

“หน่วยงานภาครัฐขาดการกำกับดูแลตรวจสอบจริงจัง เป็นไปได้หรือไม่ นิคมอุตสาหกรรม ต้องมีโรงงานกำจัดของเสียอุตสาหกรรมด้วยตัวเอง ไม่ใช่มาทิ้งที่อื่น รวมถึงพื้นที่ใกล้ชุมชน ที่ชาวหนองแหน ประสบอยู่ ”   จร  นวโอภาส  ตัวแทนชาวบ้าน อ.หนองแหน จ.ฉะเชิงเทรา 

“ มีโรงงานประเภท 105 ขยะฝังกลบ 106 ขยะรีไซเคิล ตั้งอยู่นอกเขตพื้นที่อุตสาหกรรม ขยะเหล่านี้ส่งผล เรื่องกลิ่น ทั้งวันทั้งคืน บางโรงงานน้ำไหลออกไปทั่ว เวลาที่เกิดเหตุปนเปื้อน ล่าสุดคือ ซีเซียม 137 ได้รับผลต่อสุขภาพ และเศรษฐกิจ  ไม่มีโรงงานใดออกมารับผิดชอบ ชาวบ้านทำอย่างไร กองทุนไม่มีเรื่องการบริหารเยียวยา  ควรต้องมีกองทุน ถ้าเป็นรัฐบาลเวลาเกิดปัญหาต่างๆ ต้องมีกองทุนอย่างไร และใช้ให้ทันท่วงทีได้อย่างไร ” สุเมธ เหรียญพงษ์นาม ตัวแทนชาวบ้าน จ.ปราจีนบุรี 

ขณะที่ภาคประชาชน นักวิชาการ เสนอทางออกคือการแก้กฎหมาย รวมไปถึงการมีหน่วยงานเฉพาะที่คอยดูแล กำกับอย่างจริงจัง เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ   เสนอว่า ทุกพรรคการเมืองไม่มีนโยบายสิ่งแวดล้อมชัดเจน และจับต้องได้ การเลือกตั้งครั้งนี้อยากเห็น และให้พรรคการเมืองให้ความสำคัญสิ่งแวดล้อมเท่ากับ เรื่องเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา รวมถึงเรื่องอื่นๆ  เพราะมองว่าถ้าสิ่งแวดล้อมมีปัญหา คุณภาพชีวิตจะมีปัญหา เพราะสิ่งแวดล้อมคือพื้นฐานที่สำคัญที่สุด

นักการเมืองมีบทบาทสำคัญการทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเพราะข้อมูลเบื้องลึกในการอนุมัติโครงการขนาดใหญ่ต่างๆรวมถึงการคอร์รัปชั่น  การมีกองทุนการแก้กฎหมาย อยากให้มีข้อบัญญัติเป็นข้อกำหนดพรรคถ้าสมาชิกพรรคคนไหนกำลังละเมิดทำลายสิ่งแวดล้อมสิทธิชุมชนพรรคต้องสอบสวนดำเนินคดี  อยากเห็นการปฏิรูปเชิงนี้ถ้าไม่มีตรงนี้เรื่องสิ่งแวดล้อมจะเข้าไปอยู่ในหัวใจพรรคการเมืองยาก” 

สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ มองสถานการณ์สิ่งแวดล้อมอยู่ใน จุดวิกฤต โดยระบุ ข้อมูลกรมโรงงาน มีขยะอุตสาหกรรมต่อปี 17 ล้านตัน เป็นขยะอุตสาหกรรมอันตราย  4ล้านตัน 4 ปีที่ผ่านมา พบการลักลอบแอบทิ้ง 280 ครั้ง ทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหา คำสั่ง คสช. ที่ 4/2559 และ พรบ.โรงงาน ปี 2562  สิ่งสำคัญคือการแก้กฎหมายทำให้กฎหมายขยะเป็นฉบับเดียวกันทั้งหมดรวมถึงประเด็น Check and Balance นอกจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมคอยควบคุมกำกับดูแล  ควรต้องมีอีกหน่วยงานดูแลเช่นที่สหรัฐอเมริกามี EPA ที่ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดีเมื่อเกิดวิกฤตต่างๆเช่นฝุ่นพิษสามารถประกาศเขตภัยพิบัติหรือประกาศปิด” 

ด้านตัวแทนพรรคการเมือง 5 พรรคที่เข้าร่วม ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พลังประชารัฐ พรรคชาติพัฒนากล้า และพรรคไทยสร้างไทย  เห็นด้วยกับภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และนักวิชาการ เห็นตรงกันว่าปัญหาขยะพิษ ขยะอุตสาหกรรม ท้องถิ่นต้องมีอำนาจในการทบทวนทั้งการต่ออายุและอนุญาตให้มีโรงงานในพื้นที่  …. ควรมีกฎหมาย  พรบ.เป็นการเฉพาะ  มีหน่วยงานที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมดูแลเฉพาะคือ environmental protection agency และตั้งกองทุนชดเชยเยียวยาเพื่อมาดูแล  และดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมาย  นอกเหนือจากการเปลี่ยนกฎหมาย การที่มีกองทุนภาคประชาชนตรวจสอบเป็นสิ่งสำคัญ …”  ดร.เดชรัต สุขกำเนิด พรรคก้าวไกล

ควรแยกหน่วยงานออกจากกัน ไทยสร้างไทย มีนโยบายแช่แข็งใบอนุญาตกลุ่มทุน กองทุนฟื้นฟูมองว่าเอกชนไม่รับผิดชอบต้องประสานให้เอกชนกลุ่มทุนที่ได้รับเงิน ควรต้องมารับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญมาก .. กองทุนฟื้นฟูมองว่าเอกชนไม่รับผิดชอบต้องประสานให้เอกชนกลุ่มทุนที่ได้รับเงินควรต้องมารับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญมาก”  ปริเยศ อังกูรกิตติ พรรคไทยสร้างไทย 

คำสั่งคสช. ที่4/2559 ต้องยกเลิกต้องกำจัด  สนับสนุนนวัตกรรมสมัยใหม่นำกลับมาใช้และกำจัด ชุมชนต้องมีพื้นที่พิเศษเซฟโซนต้องมีการศึกษาจริงจังเช่นเรื่องขยะที่นำกลับมาใช้ไม่ทิ้งทั้งหมด  มีระบบตรวจสอบย้อนหลัง  ทราบที่มาและแหล่งกำเนิดผู้ผลิตต้องรับผิดชอบโดยรัฐมีกองทุนเงินจากรัฐและผู้ผลิตและผู้ขาย”  ปลอดประสพ สุรัสวดี พรรคเพื่อไทย

นโยบายขยะพิษต้องหมดไปพยายามไม่ให้ไทยเป็นประเทศปลายทางเอาขยะมาทิ้ง ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะ คำสั่งคสช.ที่ 4/2559 ที่บางโรงงานมาตั้งพื้นที่สีเขียวจะตั้งกองทุนเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบรวมถึงการตรวจสุขภาพฟรีพื้นที่ใกล้โรงงาน  ให้อำนาจเพิ่มกระทรวงทบวงกรม  เช่นกรมควบคุมมลพิษไม่สามารถสั่งปิดโรงงานทันที  ถ้าใช้กฎกระทรวงทันสมัยจะทำให้ทำงานได้เลยจะสร้าง การควบคุมขยะอุตสาหกรรมต้องทำอย่างยิ่งยวดทุกครั้งที่พบการเล็ดลอดปนเปื้อนเช่นแหล่งน้ำในชุมชน”  รตอ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช พรรคพลังประชารัฐ 

ตัวชี้วัดของประเทศที่พัฒนาแล้วอยู่ที่นักการเมืองให้ความสำคัญสุขภาพประชาชนมากกว่าภาคธุรกิจ กฎหมายมาตรฐานอยู่ในระดับโลกไม่ล้าหลัง สิ่งสำคัญคือวิธีการคิด เอื้อให้เป็นธุรกิจที่ไม่คำนึงถึงส่วนร่วม  วิธีการแก้มี 3 ระดับ  รุนแรงคือเอาเรื่องโซนนิ่งกลับเข้ามาหากไม่อยู่ในพื้นที่สีม่วงเอาออกจากพื้นที่ ระดับกลางทำให้คนอยู่ร่วมกับโรงงานโดยเอาเทคโนโลยีเข้ามาโดยปรับตัวเองเข้าสู่กรีนอีโคโนมี เข้าสถานการณ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ระดับสุดท้าย  เพิ่มต้นทุนให้สูง  คือการเอาโรงงานไปตั้งในชุมชนสิ่งแวดล้อมดีให้เพิ่มภาษีสิ่งแวดล้อมเข้าไปและเป็นโมเดล   มีการประเมินคนอนุญาตกับตรวจสอบต้องคนละคน แยกการรวมศูนย์ทิ้ง”  พรชัย  มาระเนตร์ พรรคชาติพัฒนากล้า 

แชร์