
ดร.สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. เปิดเผยว่า ในเดือนกันยายน มีแนวโน้มจะเกิดพายุฝน ที่มีอิทธิพลคล้ายพายุเตี้ยนหมู่ ซึ่งส่งผลให้เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในหลายพื้นที่ เมื่อปีที่ผ่านมา โดยจากการประเมินสถานการณ์คาดว่าจะมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางและตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคเหนือตอนล่างบางส่วน เบื้องต้นจึงต้องเตรียมการรับมือ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางเนื่องจากปัจจุบันพบปริมาณน้ำกักเก็บของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีสูงถึง 411 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่เดิมทีมีอยู่ 68 ล้านลูกบาศก์เมตร ถึง 343 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากไม่มีแผนบริหารจัดการน้ำที่ดี อาจทำให้พื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบ ส่วนตัวจึงมองว่ากรมชลประทานควรเร่งระบายน้ำเพื่อรับมือกับปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนกันยายน ต่อเนื่องไปถึงเดือนตุลาคม เพราะหากไม่มีการระบายน้ำไว้ก่อน แล้วไปเร่งระบายในช่วงที่ฝนตก ก็อาจทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ได้
จากการประเมินสถานการณ์น้ำของเดือนสิงหาคม ขณะนี้ยังไม่มีตัวแปรอะไรที่จะทำให้มีแนวโน้มเกิดฝนตกหรือพายุเพิ่มอีก จึงมองว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เป็นเวลาเหมาะสมที่จะเร่งระบายน้ำเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น