เครื่องหมายอัศเจรีย์

รู้หรือไม่… 8 สัญญาณเตือน โลก กำลังป่วย

โลก รวน

อุณหภูมิที่สูงขึ้นเพียงนิดสามารถส่งผลกระทบต่อ โลก ได้อย่างไม่อาจคาดเดา สัญญาณต่างๆ ที่โลกกำลังส่งถึงเราทุกคนในตอนนี้บ่งบอกว่ากำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ หากแต่มนุษย์จะรับรู้ถึงสัญญาณเหล่านั้นได้หรือไม่ 

โลก 1

สัญญาณที่ 1… อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกกำลังสูงขึ้น

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซมีเทน ก๊าซไนตรัสออกไซด์ และ มลพิษต่างๆ ที่มนุษย์ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดสภาวะเรือนกระจก ก๊าซเหล่านี้จะทำหน้าที่เสมือนเป็นผ้าห่มหนาๆ ที่คอยให้ความอบอุ่นกับโลก แต่ด้วยปริมาณที่มากเกินไปจึงเป็นสาเหตุให้อุณหภูมิของ โลก เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการศึกษาของ NOAA พบว่า เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา ค่าอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นประมาณ 0.95 องศาเซลเซียส 

เมื่อเทียบกับค่าอุณหภูมิเฉลี่ย(ประมาณ 14 องศาเซลเซียส) ตลอดศตวรรษที่ 20 โดยความร้อนส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วง 35 ปีที่ผ่านมานี้เอง มีการคาดการณ์ว่า ถ้าเรายังคงปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอัตราเท่าๆ กับที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ อุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นได้ถึง 3-5 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ18-20 องศาเซลเซียส ภายในสิ้นศตวรรษที่ 21 นี้ สำหรับประเทศไทย คาดว่าอุณหภูมิหน้าร้อนของเมืองหลวงอย่าง กรุงเทพมหานคร ในเดือนกรกฎาคม ปี 2100 จะสามารถสูงได้ถึง 33.3 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในปัจจุบันที่ 29.6 องศาเซลเซียส

โลก 2

สัญญาณที่ 2… น้ำในมหาสมุทรอุ่นขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยความที่พื้นที่ 3 ใน 4 ของโลกเป็นผืนน้ำกว่า 90% ของความร้อนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อนจึงถูกดูดซับไว้โดยน้ำในมหาสมุทร ส่งผลให้อุณหภูมิของมหาสมุทรเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์ตรวจวัดอุณหภูมิจากผิวน้ำจนถึงระดับความลึก 700 เมตร พบว่ามีอุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่า 0.4 องศาฟาเรนไฮต์ นับตั้งแต่ปี 1969 นอกจากนี้ น้ำทะเลที่อุ่นกว่าปกติยังส่งผลต่อเนื่องให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “The Blob” คือ มวลน้ำขนาดใหญ่ที่มีอุณหภูมิสูงผิดปกติ แต่มีปริมาณออกซิเจนและสารอาหารน้อยกว่าน้ำทะเลที่เย็น ทำให้ไฟโตแพลงตอนในมหาสมุทรแปซิฟิกมีอาหารน้อยลง และส่งผลกระทบต่อไปยังผู้บริโภคลำดับอื่นๆ ในห่วงโซ่อาหาร

โลก 3

สัญญาณที่ 3… แผ่นน้ำแข็งกำลังละลาย

ในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา แผ่นน้ำแข็งบริเวณกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกามีขนาดเล็กลงจากข้อมูลของ NASA พบว่า ในช่วงปี 1993 ถึง 2016 กรีนแลนด์สูญเสียมวลน้ำแข็งไปเฉลี่ย286 พันล้านตันต่อปี ในขณะที่แอนตาร์กติกาสูญเสียไปประมาณ 127 พันล้านตันต่อปี ไม่ต้องใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนอะไรก็พอจะเข้าใจได้ว่า แผ่นน้ำแข็งที่ละลายจะกลายเป็นน้ำและไหลลงสู่มหาสมุทร นักวิทยาศาสตร์คาดกันว่า 

หากแผ่นน้ำแข็งบริเวณกรีนแลนด์ละลายหมดจะทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นประมาณ 7 เมตร หรือ 23 ฟุต และหากแผ่นน้ำแข็งที่ทวีปแอนตาร์กติกาทั้งทวีปละลายหมด มวลน้ำมหาศาลนี้สามารถทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นถึง 60 ถึง 65 เมตร เลยทีเดียว และถ้าวันนั้นมาถึง เมืองท่าที่อยู่ริมทะเลหรือประเทศที่เป็นเกาะแก่งอย่าง จาร์กาตา มัลดีฟส์ หรือแม้แต่กรุงเทพฯ และประเทศที่มีพื้นที่ต่ำก็อาจหายไปจากแผนที่โลกก็เป็นได้

โลก 4

สัญญาณที่ 4… ธารน้ำแข็งทั่วโลกกำลังหายไป

ข่าวที่ชาวไอซ์แลนด์ร่วมไว้อาลัยการสูญเสียธารน้ำแข็งอ็อกโยคุลล์ (Okjokull) ที่มีอายุกว่า700 ปี เป็นหลักฐานชัดเจนที่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของภาวะโลกร้อน เวลาเพียงแค่ 33 ปีเท่านั้น ก็ทำให้ธารน้ำแข็งแห่งนี้ละลายไปเกือบหมด แต่จะมีใครตระหนักหรือไม่ว่า ณ ขณะนี้ธารน้ำแข็งเกือบทุกแห่งทั่วโลก รวมถึงเทือกเขาแอลป์ หิมาลัย แอนดีส ร็อกกี้ อลาสก้า และแอฟริกา ต่างก็กำลังละลายในอัตราที่รวดเร็วและต่อเนื่องเช่นกัน

โลก 5

สัญญาณที่ 5… พื้นที่ที่มีหิมะปกคลุมและดินเยือกแข็งกำลังละลาย

ในช่วง 5 ทศวรรษที่ผ่านมา หิมะที่เคยปกคลุมซีกโลกเหนือลดปริมาณลง และมีการละลายเร็วกว่าปกติ ฤดูหนาวสั้นลง ดินเยือกแข็ง หรือ Permafrost ที่ไม่เคยละลายเริ่มละลายในปี 2013 อุณหภูมิที่อุ่นมากขึ้นทำให้เกิดฝนเยือกแข็ง สัตว์นับพันต้องขาดอาหาร น้ำแข็งในทะเลหรือ Sea ice ก็กำลังละลาย แม้ว่าการละลายของน้ำแข็งในทะเลจะไม่ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เพราะจริงๆ แล้วก็คล้ายกับก้อนน้ำแข็งที่ละลายในแก้วน้ำ ไม่ได้ล้นออกมานอกแก้ว แต่ก็ทำให้สัตว์ที่ต้องใช้ประโยชน์จากน้ำแข็งในทะเลในการหาอาหารอย่างหมีขั้วโลก พลอยได้รับผลกระทบถึงขั้นต้องเปลี่ยนไปกินหญ้าหรือมอสแทนการล่าแมวน้ำตามไปด้วย

โลก 6

สัญญาณที่ 6… ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น

ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยสูงขึ้นประมาณ 19 เซนติเมตร หรือประมาณ 3.2 มิลลิเมตรต่อปี และคาดการณ์ว่าจะขึ้นสูงได้ถึง 0.5 ถึง 1 เมตร ภายในปี 2100 หากอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังไม่ลดลงจากปัจจุบัน ปัญหาที่ตามมาคือ การเกิดการกัดเซาะชายฝั่งทำให้พื้นที่บางส่วนที่เคยเป็นพื้นดิน กลับกลายไปอยู่ในทะเล ผู้คนที่อาศัยตามแนวชายฝั่งต้องอพยพไปหาที่อยู่ที่ปลอดภัยกว่า เช่นเดียวกับประเทศคิริบาติ (Kiribati) ที่ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการังกว่า 30 แห่ง ในมหาสมุทรแปซิฟิกที่กำลังเผชิญกับปัญหาระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นจนแผ่นดินทั้งประเทศที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลเพียงไม่กี่เมตรกำลังจะจมหายไป ทำให้ประชากรของประเทศอาจต้องกลายเป็น “ผู้ลี้ภัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” หรือ Climate Refugees ในไม่ช้า

โลก 7

สัญญาณที่ 7… น้ำทะเลเป็นกรดมากขึ้น

1 ใน 4 ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมาจากกิจกรรมของมนุษย์ถูกดูดซับไว้โดยมหาสมุทร ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้ำทะเลดูดซับเพิ่มขึ้นปีละ 2 พันล้านตัน ทำให้ความเป็นกรดของน้ำทะเลเพิ่มขึ้นประมาณ 26% นำไปสู่ปัญหาปะการังฟอกขาว และเกิดการเปลี่ยนแปลงวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทร หอยสร้างเปลือกน้อยลง ปะการังเปราะมากขึ้นแมงกะพรุนเพิ่มปริมาณมากขึ้นเนื่องจากเติบโตได้ดีในสภาวะที่เป็นกรด เหตุการณ์เหล่านี้กระทบต่อห่วงโซ่อาหารทั้งสิ้น

โลก 8

สัญญาณที่ 8… สภาพอากาศแปรปรวนมากขึ้น

อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ทำให้วัฏจักรการหมุนเวียนของไอน้ำ ลม พายุ และอากาศ เกิดการผันผวนภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วมเฉียบพลัน ลูกเห็บตก คลื่นความร้อน เพิ่มขึ้นทั่วโลก พายุที่มีความรุนแรงระดับ 4 และ 5 เพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 1980 ปริมาณหิมะที่ลดลงมาพร้อมกับฤดูหนาวที่สั้นลงฤดูร้อนที่ยาวนานขึ้นและร้อนมากขึ้นทุกปี รวมไปถึงฝนที่ตกผิดฤดู นอกจากนั้น ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าในรอบ 70 ปีที่ผ่านมา ความเร็วของพายุหมุนเขตร้อนลดลง 10% ทำให้มีฝนตกในพื้นที่นานขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดน้ำท่วมมากขึ้นด้วย และในบางพื้นที่ก็เริ่มเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และแน่นอนว่า ความไม่แน่นอนและไม่อาจคาดเดาได้ของสภาพภูมิอากาศเหล่านี้ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตมนุษย์เรา

ขอบคุณข้อมูลจาก  reanrooclimatechange

แชร์