
นายมาหะมะพีสกรี วาแม ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา (ปภ.) ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จ.สงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี และ สตูล เปิดเผยกับศูนย์พัฒนาการสื่อสารด้านภัยพิบัติ ถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ว่า ขณะนี้ระดับน้ำที่ท่วมขังเริ่มทรงตัว มีแนวโน้มลดลง หลังฝนหยุดตกแล้ว 2 วัน จากการตรวจสอบพบ จ.นราธิวาส และ ยะลา ได้รับผลกระทบทั้งจังหวัด ทั้งบ้านเรือนประชาชน และ พื้นที่การเกษตร ปภ.ได้ประกาศให้ทุกอำเภอ ของ 2 จังหวัด แบ่งเป็น จ.นราธิวาส 13 อำเภอ และ จ.ยะลา 8 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ ส่วนรายละเอียดความเสียหายยังไม่สามารถสรุปได้ ต้องรอให้ระดับน้ำลดลงจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อน จึงจะสามารถสำรวจพื้นที่การเกษตรและ บ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่จากการประเมินเชื่อว่ามีจำนวนมาก
นายมาหะมะพีสกรี กล่าวต่อว่า แม้ฝนจะหยุดตกแล้ว แต่ยังมีพื้นที่ที่ต้องติดตามเป็นพิเศษ คือ บริเวณหมู่บ้านมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เนื่องจากเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำสุไหงโก-ลกทรุดตัว จนเกิดโพรง ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมหมู่บ้าน สูง 50 – 80 ซม. ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 30 หลัง ต้องอพยพไปพักอาศัยอยู่กับญาติ และ ศูนย์อพยพ ที่ อบต.มูโนะ จัดหาให้เป็นการชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เบื้องต้นคาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 5 วันเป็นอย่างน้อย เนื่องจากระดับน้ำของแม่น้ำสุไหงโก-ลก ยังสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะมวลน้ำที่มาจากอ.สุคิริน และ อ.แว้ง ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสุไหงโก-ลก ยังคงไหลมาสะสมเพิ่มเติม
ทั้งนี้แม้ฝนจะหยุดตกแล้ว แต่ปภ.ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเพราะจากข้อมูลการพยากรณ์อากาศ มีรายงานว่า จะเกิดฝนตกหนักอีกครั้ง ในวันที่ 8 มี.ค. นี้ ล่าสุด ทุกหน่วยงานจึงเตรียมความพร้อมรับมือ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้ง ยะลา, ปัตตานี และ นราธิวาส เพื่อเร่งพร่องน้ำซึ่งขังอยู่ในที่ราบลุ่มสูบลงสู่แม่น้ำสายหลักเพื่อผันมวลน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด คาดว่าภายในเวลา 3 วันจากนี้ สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ