การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ อาจหยุดยั้งภาวะโลกรวนไม่ได้เสียทีเดียว แต่ก็คุ้มที่จะทำ เรื่องของเรื่องคือ แค่ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ จะช่วยปกป้องโลกของเราไม่ได้ แต่การจะป้องกันไม่ให้โลกร้อนขึ้นเกินกว่าขีดจำกัด 2 องศาเซลเซียส จะต้องมีการออกนโยบายในระดับชาติ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนควรจะต้องรู้สึกสิ้นหวังหรือทำอะไรไม่ได้ ความพยายามในการลดการปล่อย คาร์บอน อาจจะช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสภาพภูมิอากาศได้ และแม้แต่ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ จะมีส่วนช่วยให้โลกของเราน่าอยู่ได้มากยิ่งขึ้น
ต่อไปนี้คือ 10 ข้อที่คุณสามารถเริ่มลงมือทำได้ด้วยตัวเอง

1 ลดการสร้างขยะอาหาร
การปล่อยคาร์บอนที่เกิดจากขยะอาหารในสหรัฐฯ มีปริมาณมากกว่าที่เกิดจากอุตสาหกรรมการบิน ส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีที่มาจากภาคเกษตรกรรมมากกว่าการคมนาคมหลากหลายรูปแบบรวมกัน ซึ่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตอาหารที่ไม่มีใครรับประทานเป็นเรื่องใหญ่หลวง
ขยะอาหารสัดส่วนมากที่สุดหรือประมาณ 37% มีที่มาจากครัวเรือน อ้างอิงข้อมูลจากองค์กรไม่แสวงกำไร ReFED
ลองจัดทำรายการว่ามีอาหารอะไรอยู่บ้างและจัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบเพื่อจะได้รู้ว่ามีอะไรอยู่ภายใน บางคนใช้วิธีติดป้ายวันที่ซื้อหรือปรุงไว้บนอาหารชนิดต่างๆ หรือบางคนมีระบบการจัดเรียงให้อาหารที่เก่าที่สุดอยู่ชั้นบนสุดของตู้เย็น เพื่อที่จะสามารถหยิบออกมารับประทานได้ก่อน
หากอยากสร้างความเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ คุณอาจลองร่างหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหรือออกเสียงสนับสนุนกฎหมายที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาขยะและป้องกันไม่ให้ขยะอาหารมีจุดจบปลายทางตามบ่อขยะต่างๆ ได้

2 เลิกเลี้ยงสนามหญ้า
ในสหรัฐฯ เฉพาะภาคพื้นทวีป มีสนามหญ้าคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 101-127 ล้านไร่ ใกล้เคียงกับขนาดพื้นที่อุทยานของทั้งประเทศรวมกันทั้งหมด ซึ่งตามข้อมูลของหน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การดูแลสนามหญ้าเหล่านี้ใช้น้ำปีละกว่า 3 ล้านล้านแกลลอน และยาฆ่าแมลงอีก 26.7 ล้านกิโลกรัม ซึ่งจะซึมลงไปในดินและแหล่งน้ำต่างๆ ต่อไป
ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคมชี้ว่าในปี 2020 ชาวอเมริกันใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 3 พันล้านแกลลอนเพื่อการใช้งานอุปกรณ์สำหรับดูแลสนามหญ้าและสวน ซึ่งเป็นปริมาณเท่ากับที่รถยนต์ส่วนบุคคล 6 ล้านคันใช้ในแต่ละปี
การเปลี่ยนจากการปลูกสนามหญ้าเป็นต้นไม้อื่นๆ นับเป็นวิธีที่สำคัญที่สุดวิธีหนึ่งเพื่อจะทำให้สวนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การโรยเปลือกสนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและง่ายเพราะจะทำให้หญ้าตายลงอย่างรวดเร็วและยังช่วยเตรียมสวนให้พร้อมสำหรับการปลูกพืช
“ถ้าเกิดคุณมีสนามหญ้าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ให้เปลี่ยนเป็นสนามที่โรยด้วยเปลือกสน” Kathy Connolly นักออกแบบสวนจากรัฐ Connecticut แนะนำ ซึ่งการใช้เศษไม้เป็นวัสดุคลุมดินหนาประมาณ 6 นิ้วน่าจะเหมาะสม นอกจากนี้เธอยังแนะนำให้เปลี่ยนสนามหญ้าบางส่วนให้กลายเป็นทางเดิน สวนหิน หรือรูปแบบที่หลากหลายอื่นๆ ซึ่งเธอกล่าวว่า “ตัวเลือกที่ดีที่สุดในแง่นิเวศวิทยาคือการปลูกต้นไม้พื้นถิ่นหรือพันธุ์ไม้พุ่มต่างๆ”
3 ดูแลแนวปะการังด้วยการจัดของอย่างชาญฉลาดสำหรับการไปพักผ่อนที่ชายหาด
ระบบนิเวศทางทะเลที่สมบูรณ์นับเป็นสิ่งสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกต่างพึ่งพาแนวปะการังเป็นทั้งแหล่งอาหาร เป็นส่วนหนึ่งของการคุ้มครอง กิจกรรมสันทนาการ ยา ความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม ไปจนถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ ดังนั้นการเสื่อมถอยของแนวปะการังไม่ใช่แค่ปัญหาของบรรดาผู้ที่รักมหาสมุทร แต่ยังเป็นปัญหาระดับโลกที่ต้องการความร่วมมือในการแก้ไข
บรรดานักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาได้หลายวิธี เริ่มจากการคิดทบทวนถึงสิ่งที่นำติดตัวไปด้วยเมื่อไปเที่ยวตามชายหาด
งดเว้นการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ผสมสาร Oxybenzone หรือสารเคมีอื่นๆ และหันไปใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งมีส่วนผสมจากธรรมชาติแทน นอกจากนี้ต้องไม่ลืมพกขวดน้ำ ช้อนส้อมและถุงแบบใช้ซ้ำได้ไปด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง

4 จับจ่ายอย่างยั่งยืนด้วยการลดการซื้อ
ข้อหนึ่งที่น่ารู้สำหรับการช้อปปิ้งอย่างยั่งยืนก็คือ มีสิ่งของเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นที่คุณสามารถซื้อได้และจะเป็นประโยชน์ต่อโลก เฉพาะผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ต้องใช้ผืนดิน น้ำ และเชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตและขนส่งอยู่แล้ว เว้นเสียแต่ว่าคุณจะซื้อต้นไม้ที่จะช่วยดูดซับคาร์บอนจากอากาศ บรรดาข้าวของใหม่ๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องใช้ ผลิตภัณฑ์สำหรับอาบน้ำ ของเล่น และอื่นๆ ต่างมาพร้อมกับต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น
ในหลากหลายสถานการณ์ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อแล้วจะ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ที่สุด เท่ากับการไม่ซื้ออะไรเลย ยกเว้นแต่การซื้อนั้นๆ จะเป็นการต่อยอดสิ่งที่คุณมีอยู่เดิม เช่น การเปลี่ยนจากรถที่ใช้น้ำมันคันเก่าไปเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทน เพราะการปรับปรุงหรือเปลี่ยนวัตถุประสงค์การใช้งานของสิ่งที่มีอยู่เดิมย่อมดีกว่าการสรรหาข้าวของใหม่มาเพิ่มเติม แทนที่จะซื้อกระดาษทิชชู ลองตัดเอาเสื้อยืดเก่าๆมาใช้เป็นผ้าขี้ริ้วแทน นำหนังสือและของเล่นเก่าๆ ของที่บ้านไปให้เด็กเล็กในละแวกบ้าน เพื่อมีส่วนในการสร้างเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนทั้งในชุมชนและในบ้านของตัวเอง

5 ปกป้องผืนป่าของเรา
ทั้งการมีส่วนร่วมกับองค์กรในท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมในกระบวนการเชิงนโยบายต่างเป็นวิถีทางที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าทุกคนสามารถร่วมกันผลักดันการคุ้มครองป่าที่เก่าแก่ของประเทศได้
ปัจจุบันมีหลายองค์กรที่ตั้งเป้าปกป้องผืนป่าและต้นไม้ที่มีอายุมาก Joan Maloof ผู้ก่อตั้ง Old-Growth Forest Network กล่าวว่า ทรัสต์ที่ดินมักจะซื้อและอนุรักษ์ที่ดิน และเครือข่าย Land Trust Alliance ให้บริการเว็บไซต์ findalandtrust.com เพื่อเชื่อมผู้คนและองค์กรต่างๆ ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงเข้าไว้ด้วยกัน
“มีหน่วยงานท้องถิ่นหลายแห่งที่เคลื่อนไหวเพื่อปกป้องป่าเก่าแก่เช่นกัน” เธอกล่าว ในระดับประเทศเธอระบุว่าแทบจะไม่มีองค์กรที่ทำงานเพื่อการปกป้องคุ้มครองป่าโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอก่อตั้งเครือข่าย Old-Growth Forest Network ขึ้นมา แต่ก็ยังมีกลุ่มที่พยายามทำงานปกป้องป่าภายใต้แนวคิดที่กว้างกว่านี้ เช่น การส่งเสริมการปลูกต้นไม้และโครงการริเริ่มเพื่อการฟื้นฟูต่างๆ รวมถึงมูลนิธิ Arbor Day Foundation และมูลนิธิ American Forests

6 เปลี่ยนรถเก่าเป็นรถไฟฟ้า
สิ่งหนึ่งที่ใครๆ ก็ทำเพื่อรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ คือการเปลี่ยนแปลงวิธีการเดินทาง
รถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่เอี่ยมอาจจะราคาสูง แม้แต่รุ่นที่ราคาย่อมเยาที่สุดก็ยังมีราคาขายอยู่ระหว่าง 3-4 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.01-1.35 ล้านบาท แต่เมื่อผู้ผลิตรถยนต์จำนวนมากเริ่มเดินสายพานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (บริษัท General Motors เคยพูดไว้ด้วยว่าจะผลิตเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ภายในปี 2035) ต้นทุนของรถชนิดนี้ก็เป็นไปได้ว่าจะลดลงในอนาคต ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะมีต้นทุนด้านการใช้พลังงานและการบำรุงรักษาน้อยกว่ารถที่ใช้น้ำมัน ทำให้ตลอดอายุการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าจะประหยัดมากกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปปกติ อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยโดยสถาบัน MIT
การซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในบางประเทศยังอาจจะช่วยให้ได้รับการลดหย่อนภาษี สำหรับในสหรัฐฯ กระทรวงพลังงานมีข้อมูลโครงการที่ให้ผลตอบแทนจูงใจทางการเงินของแต่ละรัฐ ที่เชื่อว่าจะออกมามากขึ้นในอนาคตเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐผลักดันการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
หากคุณยังไม่พร้อมซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้ และต้องการรถสำหรับสัญจรไปไหนมาไหน รถยนต์แบบไฮบริดถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจรองลงมา

7 ปรับบ้านช่วยประหยัด
การปรับเปลี่ยนบ้านเรือนให้เหมาะกับสภาพอากาศทำได้ในหลายรูปแบบ แต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือการอุดช่องว่างรอบหน้าต่างและประตู โดยข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าการทำความร้อนและความเย็นในบ้าน 20-30% รั่วไหลผ่านทางหน้าต่าง ซึ่งคุณสามารถลองตรวจสอบจุดที่อากาศรั่วไหลได้ โดยการเปิดพัดลมระบายอากาศในห้องน้ำหรือในครัวเพื่อลดแรงดันอากาศ และจุดธูปในบริเวณที่คิดว่าอาจจะมีรอยรั่วเพื่อดูทิศทางการเคลื่อนที่ของควันธูป ก่อนจะติดตั้งแถบเพื่ออุดช่องว่างตามหน้าต่างและขอบประตู
ส่วนในฤดูร้อน ควรบังแสงตามหน้าต่างทันทีเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งกระจกหน้าต่างถือเป็น “หนึ่งในจุดอ่อนที่สุดของอาคาร” ในการปกป้องรังสีจากดวงอาทิตย์เพราะกระจกเหล่านี้ส่งผ่านความร้อนได้ในทันที Alexandra Rempel นักวิทยาศาสตร์อาคารกล่าว การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้นคือการติดตั้งอุปกรณ์ภายนอกเพื่อบังแสง เช่น ม่านหรือผ้าใบที่พับเก็บได้ แต่หากติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้ อีกตัวเลือกหนึ่งคือการติดตั้งม่านหรือมู่ลี่ภายในอาคาร นอกจากนี้ยังสามารถนำกระดาษลังมาปิดทับด้วยฟอยล์อะลูมิเนียมและติดตั้งแนบไปกับกรอบหน้าต่างได้อีกด้วย

8 เรียนรู้ความเชื่อมโยงระหว่างโลกร้อนกับความเสมอภาคทางเชื้อชาติ
นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศทราบแน่ชัดแล้วว่าบนดาวเคราะห์ที่สูญเสียเสถียรภาพจากกิจกรรมของมนุษย์ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีสังคมอันยุติธรรมและเท่าเทียมได้
การศึกษาชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences พบว่าชุมชนคนผิวดำและคนเชื้อสายละตินอเมริกาในสหรัฐฯ มีโอกาสสัมผัสกับมลภาวะทางอากาศมากกว่าที่พวกเขามีส่วนในการสร้างมลภาวะเหล่านี้ขึ้นผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การขับรถและการใช้ไฟฟ้า
ในทางกลับกันชาวอเมริกันผิวขาวได้สัมผัสอากาศที่คุณภาพดีกว่าค่าเฉลี่ยระดับประเทศ แม้ว่ากิจกรรมต่างๆ ที่พวกเขาทำจะเป็นแหล่งที่มาของมลภาวะส่วนใหญ่
ส่วนการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งในวารสาร Science พบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลร้ายทางเศรษฐกิจต่อเขตที่ยากจนที่สุดในประเทศ ซึ่งส่วนมากเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของบรรดาคนผิวสี ดังนั้นการทำความเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกจะส่งผลกระทบกลุ่มประชากรเหล่านี้อย่างไม่เท่าเทียม ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาโลกร้อนและสร้างเสริมให้โลกนี้กลายเป็นสถานที่ซึ่งเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น

9 พิจารณากิจกรรมชดเชยคาร์บอน
หากปราศจากการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบในการขับเคลื่อนสังคม เช่น โครงข่ายพลังงานไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทนอย่างสมบูรณ์ หรือระบบอาหารที่ผลิตก๊าซเรือนกระจกน้อยลง ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนแต่ละคนหรือสถาบันขนาดใหญ่จะดำเนินกิจกรรมได้อย่างปราศจาก คาร์บอน
Barbara Haya นักวิจัยด้านนโยบายสภาพอากาศจากมหาวิทยาลัย California ที่ Berkeley กล่าวว่า “วัตถุประสงค์ของกิจกรรมชดเชยคาร์บอนคือการเปิดทางให้บุคคล บริษัท หรือมหาวิทยาลัย สามารถจ่ายเงินให้คนอื่นช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแทนตัวเองได้”
โดยสามารถจ่ายเงินซื้อกิจกรรมชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อทดแทนกิจกรรมบางอย่างได้ เช่น การเดินทางโดยเครื่องบินข้ามประเทศ หรือซื้อในรูปแบบแพ็คเกจ อย่างเช่น “งานแต่งงานสีเขียวเพื่อชดเชยคาร์บอน” เป็นต้น
อย่างไรก็ดีควรตรวจสอบให้แน่ใจถึงข้อมูล รวมถึงพิจารณาโครงการในประวัติของบริษัทนั้นๆ ซึ่งถ้าไม่ได้มีบันทึกโครงการทั้งหมด หรือมีประกาศนียบัตรและใบรับรองแจ้งไว้ อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ดี เพราะโครงการที่ดีควรจะทำได้จริงและต่อเนื่อง รวมทั้งควรจะเป็นโครงการที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมจากกิจกรรมปกติเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนให้ได้มากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนจากกิจกรรมหนึ่งไปสู่อีกกิจกรรมหนึ่งเท่านั้น
10.ช่วยบอกต่อ
การให้ความรู้แก่คนรอบตัวนับเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการทำให้ความพยายามของคุณได้ผลเท่าทวีคูณอย่างเช่นการส่งต่อบทความนี้ให้แก่เพื่อนๆ และครอบครัว เพื่อให้พวกเขาเริ่มใช้ชีวิตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
ที่มา https://www.washingtonpost.com/climate-solutions/2022/02/22/climate-change-actions-carbon-footprint/