
ฝนที่ตกหนัก และลมกระโชกแรงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาบริเวณภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จากข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน 3,830 ครัวเรือน กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ขณะนี้ฝนได้ลดลงแล้ว แต่ฝนที่ตกมาในปริมาณมากก่อนหน้านี้ทำให้น้ำในลุ่มน้ำสาขาต่างๆ เกินกว่าการกักเก็บจนล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชาวบ้าน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งระบายน้ำที่ท่วมขัง และพร่องน้ำออก ซึ่งคาดว่าในอีก 1-2 วันสถานการณ์ก็จะกลับเข้าสู่ปกติ แต่ยังต้องเฝ้าระวังฝนที่จะตกอีกครั้งในวันที่ 7-8 มีนาคม 2565 ช่วงเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูร้อนที่เกิดความแปรปรวนของสภาพอากาศ ซึ่งฝนที่ตกอาจจะไม่รุนแรงเท่าในครั้งนี้
ขณะที่ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศา
ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศา
ภาคตะวันออก มีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศา
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช
พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศา
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต และกระบี่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศา
ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามข่าวสารสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง