
GISTDA (จิสด้า) แสดงภาพเปรียบเทียบเหตุการณ์ ก่อน-หลัง ผลกระทบที่เกิดจากอิทธิพลของพายุโนรู รวมถึงฝนที่ตกในพื้นที่บริเวณริมน้ำมูล จ.อุบลราชธานี ข้อมูลจากดาวเทียม Pléiades (เปลยาด) วันที่ 5 ต.ค.65 พบว่ามีน้ำท่วมขังตลอดแนวสองฝั่งริมแม่น้ำมูลที่ไหลผ่านในอ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมลุ่มต่ำ บ้านเรือนประชาชน และเส้นทางการจราจร
-สอดคล้องกับ ว่าที่ ร.ต.มนตสง่า ลีลาศสง่างาม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.อุบลราชธานี ให้ข้อมูลกับศูนย์พัฒนาการสื่อสารด้านภัยพิบัติ ระบุว่า ขณะนี้มีพื้นที่กว่า 309,710 ไร่ ใน จ.อุบลราชธานี ได้รับผลกระทบ ซึ่งมวลน้ำจาก อ.เมืองอุบลราชธานี จะไหลต่อไปยัง อ.โขงเจียม ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขงต่อไป


GISTDA แสดงภาพเปรียบเทียบ จากข้อมูลจากดาวเทียมพบข้อมูลล่าสุด (7ต.ค.65) ปริมาณน้ำกักเก็บของเขื่อนอุบลรัตน์ ก่อน-หลัง ผลกระทบที่เกิดจากอิทธิพลของพายุโนรู พบว่าขณะนี้มีปริมาณน้ำเกินความจุไปกว่า 132% ทำให้ต้องเพิ่มการระบาย ซึ่งมวลน้ำจากเขื่อนก็จะไหลไปเติมพื้นที่ริมน้ำพอง ใน จ.ขอนแก่น ที่ได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมไปก่อนหน้านี้ ทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปอีกระยะ และไม่เพียงเฉพาะ จ.ขอนแก่น แต่มวลน้ำดังกล่าวจะไหลต่อไปจนถึงพื้นที่ริมแม่น้ำชี จ.มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร ก่อนไหลไปบรรจบที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งจากการตรวจสอบพื้นที่ พบน้ำสูงเฉลี่ย 3-5 เมตรแล้วในจุดลุ่มต่ำ แต่คาดว่าจะไม่ปรับสูงขึ้นกว่านี้

แม้ว่าพายุโนรูจะสลายตัวไปเกือบสัปดาห์ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้หลายพื้นที่ในภาคอีสานยังคงได้รับความเสียหาย เนื่องจากมวลน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับน้ำคงค้างยังมีอยู่มาก แต่จากการประเมินสถานการณ์ภาพรวมด้วยภาพถ่ายดาวเทียม ในช่วงปีสำคัญ คือ ปี 2554, 2562, 2564 และ 2565 พบสถานการณ์ของปี 2565 ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรงเท่าปี 2562
*สถานการณ์น้ำท่วมของภาคอีสานจะเปรียบเทียบความรุนแรงโดยอ้างอิงจากปี 2562 แตกต่างจากภาคกลางที่อ้างอิงจากปี 2554