เทียบแผ่นดินไหว 7.7 ทำความเข้าใจ ‘สึนามิ’ กับ ‘อ.ไพบูลย์ นวลนิล’ ผู้เชี่ยวชาญฯ ลบภาพจำ ปี 47 เมื่อ ‘สึนามิ’ ไม่ใช่ ‘คลื่นยักษ์’ เสมอไป แล้วไฉนไทยยังเสี่ยงกับภัยพิบัตินี้
แม้แผ่นดินไหวใต้ทะเลขนาด 7.7 มีศูนย์กลางทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลอยัลตี้ ในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2564 จนเกิดสึนามิความสูง 30-70 ซม. เมื่อเข้าใกล้ฝั่ง ซึ่งบริเวณดังกล่าว เรียกกันว่า ‘วงแหวนแห่งไฟ’ ทำให้สื่อสำนักต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยต่างพากันรายงานสถานการณ์ หากปฏิเสธไม่ได้ว่า คนไทยที่รับข้อมูลข่าวสารยังคงมีภาพจำว่า ‘สึนามิ’ ต้องเป็น ‘คลื่นยักษ์’ ที่เคยถาโถมในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย เมื่อปี 2547 จนเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง

สึนามิ (Tsunami) เป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่า คลื่นท่าเรือ แต่มักถูกนำไปใช้ในความหมายทางอ้อมว่า คลื่นขนาดใหญ่ เกิดขึ้นบริเวณที่เกิดแผ่นดินไหว โดยเฉพาะวงแหวนแห่งไฟในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งในระหว่างที่เคลื่อนตัวในมหาสมุทร บางครั้งผู้อยู่บนเรือเดินสมุทรอาจไม่รู้สึก เพราะคลื่นจะสูงเพียง 30 ซม.-1 ม. เท่านั้น และจะเพิ่มความสูงขึ้นเมื่อเข้าหาฝั่งเขตน้ำตื้น
สร้างความเข้าใจ ความหมาย ‘สึนามิ’ ลบภาพจำ ‘คลื่นยักษ์’ ที่มีกำลังทำลายล้างสูง
“สึนามิ คือ สึนามิ มีความสูง 5 ซม. หรือ 10 ซม. ก็ได้ ไม่ได้หมายความว่า ต้องเป็นคลื่นยักษ์ เหมือนปี 2547”
อ.ไพบูลย์ นวลนิล ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว เริ่มต้นพูดคุยกับ DXC Online ด้วยการชวนกันสร้างความเข้าใจเรื่องสึนามิกันใหม่ โดยเปรียบให้เห็นภาพชัดต่อไปว่า สึนามิเหมือนกับรถ มีตั้งแต่มินิคาร์ไปจนถึงรถขนาดใหญ่อย่างสิบล้อหรือรถพ่วง รถในที่นี้จึงไม่ได้หมายถึงรถสิบล้อเสมอไป เช่นเดียวกันกับสึนามิ
บางครั้งคนไม่เข้าใจ พอเอ่ยถึง ‘สึนามิ’ จะพากันตื่นตระหนก ทั้งที่ความจริงแล้ว ยกตัวอย่าง ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ในแถบเกาะสุมาตราและทะเลอันดามัน เกิดสึนามิขึ้นหลายครั้ง แต่ไม่มีใครรับรู้ เพราะมีความสูงไม่มากและไม่เกิดการสูญเสีย ดังนั้น จึงไม่มีการรายงานข่าว”
อย่ากระนั้นเลย ภัยพิบัติแผ่นดินไหวก็เช่นกัน ‘อ.ไพบูลย์’ กล่าวว่า หากไม่ส่งผลให้เกิดการสูญเสีย คนไม่ล้มตาย บ้านเรือนไม่ได้รับความเสียหาย จะไม่มีการรายงานข่าว ทั้งที่ความจริงแล้ว แผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกวันทุกเวลา ซึ่งทั่วโลกเกิดขนาด 4-6 ประมาณ 25-30 ครั้ง โดยไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้
ส่วนประเทศไทยใช่ว่าจะรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ เพราะปัจจุบันมีรอยเลื่อนอย่างเป็นทางการ 15 รอยเลื่อน ได้แก่ รอยเลื่อนแม่จัน รอยเลื่อนแม่อิง รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน รอยเลื่อนเมย-อุทัยธานี รอยเลื่อนแม่ทา รอยเลื่อนเถิน รอยเลื่อนพะเยา รอยเลื่อนปัว รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนเพชรบูรณ์ รอยเลื่อนระนอง รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย และรอยเลื่อนมะยม
โดยทฤษฎี ระบุว่า ที่ไหนมีรอยเลื่อน ที่นั่นยังมีพลังเกิดแผ่นดินไหวได้ทั้งสิ้น ฉะนั้นโอกาสจึงมีและอย่าละเลย นาน ๆ อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังเช่น แผ่นดินไหวที่เชียงรายและลาว ขนาด 6 เป็นต้น แม้ลาวจะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่คลื่นแผ่นดินไหวเดินทางเข้าในประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องมีหนังสือเดินทาง จึงเห็นว่า แผ่นดินไหวเป็นภัยของประชาคมโลก
อ.ไพบูลย์ ยังไขข้อสงสัยเพราะเหตุใดสึนามิที่เกิดในเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.7 เมื่อวันที่ 10 ก.พ. จึงมีความสูงไม่ถึง 1 ม. เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2547 ครั้งเกิดที่เกาะสุมาตรา ขนาด 9.1 ทั้งที่ขนาดใกล้เคียงกัน ได้รับคำตอบว่า ขนาดของแผ่นดินไหวในสองเหตุการณ์นั้นห่างกัน 1.4 หน่วย ทำให้มีพลังงานแตกต่างกันประมาณ 50 เท่า
ประกอบกับการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในเหตุการณ์เมื่อปี 2547 เกือบเป็นแนวดิ่ง 90 องศา ขณะที่เมื่อวันที่ 10 ก.พ. บริเวณเกาะลอยัลตี้เป็นแนวเฉียง 65 องศา จึงทำให้การเขย่าและผลักมวลน้ำแตกต่างกัน คล้าย ๆ กับการนำมือลงไปแกว่งในอ่างน้ำในแนวเฉียงและดิ่งส่งผลต่อการกระเพื่อมของน้ำที่แตกต่างกันเช่นกัน